การเทขาย Bitcoin ยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยราคาลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2024
ในช่วงที่เกิดการปรับฐานอย่างรุนแรง BTC เคยร่วงลงไปถึง $82,256 ก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง แต่ข้อมูลบ่งชี้ว่ายังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงต่อก่อนที่ตลาดจะกลับมามีเสถียรภาพ
นักวิเคราะห์อิสระ Scott Melker ได้โพสต์กราฟพร้อมกล่าวว่า
“สัญญาณ Bullish divergence ร่วมกับ RSI ที่อยู่ในเขต Oversold ยังคงมีอยู่ ในขณะนี้ RSI ยังคงสร้างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น แต่เราต้องเห็นแท่งเทียนถัดไปดีดขึ้นอย่างชัดเจนเพื่อยืนยันแนวโน้ม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณยืนยันที่ชัดเจน”
ในขณะที่ Bitcoin กำลังทำจุดต่ำสุดใหม่และมีความเสี่ยงที่จะร่วงลงไปแตะโซน $70,000 ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ก็ร่วงลงสู่ระดับ 21 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบปี และอยู่ในโซน “Extreme Fear” (ความกลัวขั้นสุด)
ข้อมูลจาก Velo ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin กำลังเผชิญกับช่วงเวลาแย่ที่สุดในรอบ 3 วัน นับตั้งแต่ปี 2022 ขณะที่แหล่งวิเคราะห์ยังเน้นให้เห็นถึงกระแสเงินทุนไหลออกจากกองทุน Bitcoin ETF เป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
นอกจากความอ่อนแอของตลาดคริปโตที่ดำเนินมาตลอดสัปดาห์แล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญกับแรงเทขายเช่นกัน โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษี 25% กับสหภาพยุโรป
นอกจากการขู่เก็บภาษีแล้ว รัฐบาลของทรัมป์ยังได้ส่งบันทึกภายในถึงหน่วยงานรัฐบาลกลาง เพื่อสั่งให้เตรียมดำเนินการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก
แม้ว่าการเทขายครั้งใหญ่ของ Bitcoin ในช่วงสามวันที่ผ่านมาอาจเป็น “โอกาสซื้อครั้งสำคัญในรอบหลายปี” แต่บรรดานักวิเคราะห์ยังไม่พร้อมที่จะสรุปว่าการปรับฐานครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว
ปัจจุบัน นักเทรดคาดการณ์แนวรับของ Bitcoin ในช่วงราคาตั้งแต่ $80,000 – $71,000 โดยมีการเรียกร้องมากขึ้นให้จับตาดูจุดต่ำสุดที่อาจเกิดขึ้นในกรอบราคานี้
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ latimes.com
