Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบรวมศูนย์ (CEX) ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกจากปริมาณการซื้อขาย กำลังถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า 420 พันล้านดอลลาร์ สำหรับลูกค้า
ตัวเลข AUM ที่สูงถึง 420 พันล้านดอลลาร์นี้ ทำให้ Coinbase มีขนาดใหญ่เทียบเท่าธนาคารอันดับที่ 21 ของสหรัฐฯ ตามคำกล่าวของ Brian Armstrong ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Coinbase
Armstrong ได้โพสต์บน X (Twitter) เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ว่า
“หากมองว่า Coinbase เป็นธนาคาร ตอนนี้เราถือครองสินทรัพย์ให้ลูกค้ากว่า 0.42 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้เราเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 21 ของสหรัฐฯ และยังเติบโตต่อเนื่อง”
เขายังเสริมอีกว่า
“หากมองเราเป็นโบรกเกอร์แทน เราจะเป็นโบรกเกอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลกในแง่ของ AUM”
Coinbase ใหญ่กว่าสามเท่าของ New York Community Bancorp (NYCB)
มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ Coinbase ที่ 420 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าสามเท่าของสินทรัพย์ที่บริหารโดย New York Community Bancorp (NYCB) ซึ่งเป็นธนาคารอันดับที่ 21 ของสหรัฐฯ โดย NYCB มี AUM อยู่ที่ 112.9 พันล้านดอลลาร์
NYCB เผชิญกับผลขาดทุน 260 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 หลังจากเข้าซื้อ Signature Bank ซึ่งเป็นธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตและล้มละลายในปีเดียวกัน
ขณะที่ Coinbase รายงานกำไรสุทธิ 273 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดียวกัน ซึ่งถือเป็นไตรมาสแรกที่กลับมาทำกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ตามจดหมายรายงานถึงผู้ถือหุ้นของบริษัท
อนาคตของบริการทางการเงิน: รวมทุกอย่างไว้ในบัญชีเดียวด้วยคริปโต
Armstrong เชื่อว่าคริปโตจะช่วย รวมศูนย์บริการทางการเงินทั้งหมดไว้ในบัญชีเดียว หรือที่เรียกว่า “neobank”
เขาอธิบายในโพสต์ว่า
“เส้นแบ่งระหว่างหมวดหมู่ของบริการทางการเงินเริ่มเลือนลางลง ด้วยระบบการเงินยุคใหม่ คุณจะมีบัญชีเดียวที่รองรับทุกบริการเหล่านี้”
“ในอนาคต GDP ของโลกจะใช้โครงสร้างพื้นฐานของคริปโตมากขึ้น”
“เราจะมีสกุลเงินที่มีเสถียรภาพมากขึ้น (sound money) ธุรกรรมที่มีต้นทุนต่ำลง และเสรีภาพทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นสำหรับทุกคน”
แม้คริปโตจะมีศักยภาพสูง แต่ Chintan Turakhia ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของ Coinbase ระบุว่า อุตสาหกรรมยังต้องขจัดจุดติดขัดที่สำคัญ เพื่อผลักดันการใช้งานในวงกว้าง
“ถ้าเราต้องการดึงผู้ใช้พันล้านรายเข้ามา และเริ่มต้นด้วยแค่ 100 ล้านรายก่อน เราต้องกำจัดอุปสรรคทั้งหมดออกไป”
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ bloomberg.com
