สำนักงานคุ้มครองทางการเงินผู้บริโภคแห่งสหรัฐอเมริกา (CFPB) ได้เสนอเกณฑ์ใหม่ที่อาจกำหนดให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโตต้องคืนเงินให้ผู้ใช้งานในกรณีที่เงินถูกขโมยผ่านกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การแฮ็ก
ในประกาศเมื่อวันที่ 10 มกราคม CFPB ได้เสนอเกณฑ์ที่อาจขยายความคุ้มครองสำหรับบัญชีหรือกระเป๋าเงินที่ใช้ “กลไกการชำระเงินรูปแบบใหม่” เพื่อการใช้งานส่วนตัว โดยให้มีความคุ้มครองคล้ายกับบัญชีธนาคารแบบเงินสกุลปกติ
หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้เสนอว่า สิทธิที่ป้องกันข้อผิดพลาดและการฉ้อโกงภายใต้กฎหมาย Electronic Fund Transfer Act (EFTA) อาจถูกใช้เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่ทำธุรกรรมด้วย Stablecoin หรือ “สินทรัพย์ที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในลักษณะเดียวกัน ที่ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนหรือชำระค่าสินค้าและบริการ”
การดำเนินการนี้อาจเป็นหนึ่งในมาตรการสุดท้ายของ CFPB ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมีกำหนดจะออกจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ทั้งนี้ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla และที่ปรึกษาคนสนิทของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งอาจมีบทบาทในรัฐบาลชุดใหม่ เคยแนะนำในเดือนพฤศจิกายนให้ “ยกเลิก” CFPB
“จากข้อความที่ชัดเจนใน EFTA และเหตุผลของคำพิพากษาศาล รวมถึงประสบการณ์ของ CFPB ในการติดตามตลาด เป็นที่ชัดเจนว่าคำว่า ‘funds’ ใน EFTA ไม่ได้จำกัดเฉพาะเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น” ตามเนื้อหาในข้อเสนอของ CFPB “CFPB ตีความคำว่า ‘funds’ ให้รวมถึงสินทรัพย์ที่มีลักษณะหรือถูกใช้เหมือนเงิน กล่าวคือ สินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หน่วยวัดมูลค่า หรือวิธีการชำระเงิน”
ในเดือนมกราคม บริษัทด้านความปลอดภัยของบล็อคเชนเริ่มเผยแพร่รายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับการสูญเสียที่เกิดจากกิจกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลในปี 2024 โดย PeckShield รายงานว่ามีสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยไปจากการแฮ็กมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ CertiK กล่าวว่าแผนการฟิชชิ่งเป็น “ช่องทางการโจมตีที่มีต้นทุนสูงที่สุด” ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียสกุลเงินดิจิทัลในปี 2024
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ coingape.com
