อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้ใช้ Bitcoin หรือ “crypto check” เพื่อชำระหนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ และป้องกันวิกฤตหนี้ที่กำลังใกล้เข้ามา
ในบทสัมภาษณ์กับ Maria Bartiromo จาก Fox News ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในปี 2024 ชื่นชมอุตสาหกรรมคริปโตและย้ำจุดยืนของเขาว่า หากอเมริกาไม่สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ประเทศอื่น ๆ ก็จะทำแทน จากนั้นอดีตประธานาธิบดีก็แย้มว่า Bitcoin อาจมีบทบาทในการชำระหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ
“ใครจะรู้ บางทีเราอาจชำระหนี้สาธารณะมูลค่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ของเราได้ และมอบเช็คเงินดิจิทัลเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาก็ได้ ใช่ไหม? เราจะส่ง Bitcoin ให้พวกเขาสักเล็กน้อย และล้างหนี้ 35 ล้านล้านดอลลาร์ของเราไป”
Bitcoin สามารถช่วยสหรัฐอเมริกาจากวันอันมืดมน
ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงลดค่าเงินดอลลาร์โดยการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นเพื่อชำระหนี้ค้างชำระในอดีต ราคาของ Bitcoin ยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินทั่วไป
หากจะเปรียบเทียบหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมูลค่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ ต้องใช้เวลาราว 200 ปีจึงจะทะลุหลัก 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้ ซึ่งปัจจุบัน หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีจำนวนเท่ากันนี้เพิ่มขึ้นทุกๆ 3 เดือน เนื่องมาจากการใช้จ่ายเกินดุล
ในช่วงเดือนมิถุนายน รายได้ภาษีเงินได้ประมาณร้อยละ 76 ถูกนำไปใช้ชำระดอกเบี้ยของหนี้ ซึ่งทำให้การชำระดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในรายการที่สูงที่สุดในงบประมาณการคลังของสหรัฐฯ
ล่าสุด วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ Bitcoin ในสหรัฐอเมริกา เพื่อต่อต้านผลกระทบอันเป็นอันตรายจากการพิมพ์เงินอย่างแพร่หลาย และรักษาความโดดเด่นทางการเงินของสหรัฐฯ ในตลาดและการค้าโลก
วุฒิสมาชิกรัฐไวโอมิงตั้งเป้าหมายให้กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เข้าซื้อ Bitcoin 5% ของอุปทานทั้งหมดของ Bitcoin โดยจะถือครองสินทรัพย์แบบกระจายอำนาจที่หายากนี้ไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี เพื่อเป็นปราการป้องกันการลดค่าเงินของธนาคารกลางและนโยบายการคลังที่ย่ำแย่
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ biztechafrica.com