สภานิติบัญญัติของฮ่องกง (Legislative Council) ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมาย “Stablecoins Bill” ในการอ่านรอบที่ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการออกเหรียญ stablecoin ที่อ้างอิงกับเงินเฟียต (fiat-referenced stablecoins) จะต้องขอใบอนุญาตจาก Hong Kong Monetary Authority (HKMA) หรือธนาคารกลางฮ่องกง
รัฐบาลฮ่องกงระบุว่า กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2025 เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคอุตสาหกรรมได้เตรียมตัว และเข้าใจกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งในระหว่างนี้ HKMA จะจัดให้มีการปรึกษาหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของกรอบการกำกับดูแล
ภายใต้กฎใหม่นี้ ผู้ให้บริการ stablecoin ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานในหลายด้าน เช่น
- การจัดการสินทรัพย์สำรอง (Reserve Assets) อย่างโปร่งใส
- กลไกการไถ่ถอนเหรียญคืนให้ผู้ถือ
- การแยกเงินของลูกค้าออกจากทรัพย์สินบริษัท
- การปฏิบัติตามมาตรฐานป้องกันฟอกเงิน, ต่อต้านการสนับสนุนการก่อการร้าย และการจัดการความเสี่ยง
Christopher Hui เลขาธิการด้านบริการทางการเงินและการคลังของฮ่องกง กล่าวว่า
“กฎหมายนี้ยึดหลัก ‘กิจกรรมเหมือนกัน ความเสี่ยงเหมือนกัน ก็ควรได้รับการกำกับดูแลเหมือนกัน’ โดยเน้นแนวทางที่อิงกับความเสี่ยงเป็นหลัก เพื่อสร้างระบบกำกับดูแลที่มั่นคงและยั่งยืน”
ด้าน Johnny Ng สมาชิกสภาที่มีบทบาทในคณะทำงานด้านกฎหมาย Stablecoin ก็ได้โพสต์บน X ว่า การผ่านร่างกฎหมายนี้เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน Web3 ในฮ่องกง เขาย้ำว่าความท้าทายที่แท้จริงคือการผลักดันให้เกิดการใช้ stablecoin ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าทั่วไป, การค้าระหว่างประเทศ หรือการโอนเงินระหว่างบุคคล
ก่อนหน้านี้ ฮ่องกงได้แสดงจุดยืนเปิดรับคริปโตด้วยการออกใบอนุญาตสำหรับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2023 และในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว HKMA ยังได้เปิด “Sandbox” สำหรับผู้ที่ต้องการทดลองออกเหรียญ stablecoin โดยมีผู้เข้าร่วมสำคัญ เช่น Standard Chartered, Animoca Brands, Hong Kong Telecom, JD Coinlink และ RD InnoTech
นอกจากนี้ การที่ฮ่องกงผ่านกฎหมายนี้ ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่วุฒิสภาสหรัฐฯ เพิ่งมีมติเลื่อนร่างกฎหมาย stablecoin ของตัวเองที่เรียกว่า GENIUS Act เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาแก้ไข ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางการกำกับดูแลคริปโตทั่วโลกในอนาคต
อ้างอิง : theblock.co