Binance ได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายรัฐเดลาแวร์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้ศาล “ยกฟ้อง” คดีที่ยื่นฟ้องโดยทีมกฎหมายของ FTX ซึ่งเรียกค่าเสียหายสูงถึง $1.76 พันล้านดอลลาร์ โดย Binance ระบุว่าคดีนี้ “ไม่มีมูลทางกฎหมาย” และกล่าวหาว่า FTX กำลังพยายามเบี่ยงเบนความผิดจากปัญหาที่เกิดจากตัวเอง
ทีมกฎหมายของ Binance ให้เหตุผลว่า การล่มสลายของ FTX ไม่ได้เกิดจากการปั่นราคา หรือการกระทำของ Binance แต่อย่างใด แต่เกิดจาก “การฉ้อโกงขนาดมหึมาภายในองค์กรเอง” ซึ่งศาลสหรัฐฯ ได้พิพากษาจำคุก Sam Bankman-Fried (SBF) อดีตซีอีโอของ FTX จากความผิดรวม 7 กระทงทั้งฉ้อโกงและสมรู้ร่วมคิด
FTX กล่าวหาว่า Binance ได้รับเงินคริปโตหลายพันล้านดอลลาร์จากข้อตกลงซื้อคืนหุ้นเมื่อปี 2021 โดยเงินดังกล่าวมาจาก “ทรัพย์สินของลูกค้า” ที่ถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม แต่ Binance ปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยระบุว่า:
“FTX ยังดำเนินกิจการได้ต่ออีก 16 เดือนหลังการซื้อคืนหุ้น ไม่มีหลักฐานใดที่ชี้ว่าบริษัทล้มละลายในช่วงเวลานั้น”
ปมเดือดเรื่องทวีตของ CZ ทำเหรียญ FTT พัง?
หนึ่งในข้อกล่าวหาหลักของ FTX คือ การที่ Changpeng Zhao (CZ) อดีตซีอีโอของ Binance โพสต์ทวีตเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2022 ว่า Binance จะขายเหรียญ FTT ทั้งหมดที่ถืออยู่ ซึ่งส่งผลให้ราคาของ FTT ดิ่งลงอย่างรุนแรง และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในตลาดคริปโต
แต่ Binance ตอบโต้ว่า การตัดสินใจขาย FTT นั้นอ้างอิงจาก ข้อมูลสาธารณะที่เป็นข่าวแล้ว โดยเฉพาะบทความของ CoinDesk เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2022 ที่เปิดเผยงบดุลของ Alameda Research ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงอย่างชัดเจน
ทีมกฎหมายของ Binance เสริมอีกว่า ทวีตของ CZ ยังระบุว่า Binance จะพยายามลดผลกระทบต่อตลาด และคำฟ้องของ FTX ไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่า Binance ตั้งใจจะทำให้ราคาพัง
Binance โต้ศาลสหรัฐฯ “ไม่มีอำนาจตัดสิน”
อีกหนึ่งประเด็นที่ Binance หยิบยกขึ้นมาคือเรื่อง เขตอำนาจศาล โดยระบุว่า บริษัทต่างชาติที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ไม่ได้จดทะเบียนหรือดำเนินธุรกิจหลักในสหรัฐฯ ดังนั้นศาลล้มละลายรัฐเดลาแวร์ ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ที่จะพิจารณาคดีนี้
Binance ยังวิจารณ์คำฟ้องของ FTX ว่า “เป็นการยกเอากฎหมายของรัฐต่าง ๆ มาปะปนกันอย่างไม่เป็นระบบ” และเต็มไปด้วย “การคาดเดาที่ไม่มีหลักฐาน” ซึ่งส่วนใหญ่ก็อ้างอิงจาก “คำพูดของนักต้มตุ๋นที่ถูกพิพากษาแล้ว”
Binance ขอให้ศาลยกฟ้องทุกข้อกล่าวหาแบบ “with prejudice” หมายถึงไม่สามารถฟ้องซ้ำได้อีก
ด้าน FTX เตรียมคืนเงินเจ้าหนี้รอบใหม่กว่า $5 พันล้าน
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา FTX Recovery Trust ได้ประกาศเตรียม โอนเงินรอบที่ 2 ให้เจ้าหนี้กลุ่ม Convenience Class ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2025 ผ่านแพลตฟอร์ม BitGo และ Kraken
เจ้าหนี้ในกลุ่มนี้คาดว่าจะได้รับคืนระหว่าง 54% ถึง 120% ของจำนวนที่เคยยื่นเคลมไว้ โดยรวมทั้งระบบแล้ว อาจมีการคืนเงินมากถึง $16 พันล้านดอลลาร์ หากไม่มีข้อขัดข้องเรื่องจำนวนผู้มีสิทธิ์รับคืนในรอบสุดท้าย
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ crypto-economy.com