สถาบันจัดอันดับเครดิต Moody’s ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ จาก ระดับสูงสุด Aaa ลงเหลือ Aa1 โดยให้เหตุผลว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และไม่มีสัญญาณว่าแผนลดรายจ่ายของรัฐบาลจะได้ผลในระยะยาว
Moody’s ระบุในประกาศว่า:
“เราไม่เชื่อว่าแผนการเงินการคลังที่กำลังหารืออยู่ จะสามารถลดรายจ่ายบังคับหรือขาดดุลได้อย่างเป็นรูปธรรมในระยะหลายปีข้างหน้า”
หนี้สาธารณะสหรัฐฯ ทะลุ $36 ล้านล้าน – และยังไม่มีทีท่าจะหยุด
ข้อมูลล่าสุดในเดือนมกราคม 2025 ชี้ว่า หนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ พุ่งทะลุ $36 ล้านล้านดอลลาร์ แล้ว และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามจากภาคเอกชน เช่น Elon Musk และกลุ่มนักลงทุนบางกลุ่มที่เสนอแนวทางลดการใช้จ่ายภาครัฐ
สิ่งที่น่ากังวลคือ:
- ยิ่งหนี้มาก → ยิ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยสูง
- นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจ → ต้องเสนอผลตอบแทน (Yield) สูงขึ้นเพื่อให้คนยังซื้อพันธบัตร
- ส่งผลให้ ภาระดอกเบี้ยของรัฐบาลสูงขึ้นไปอีก → กลายเป็นวงจรหนี้ทวีคูณ
แม้จะปรับลดเครดิตเรตติ้ง แต่ Moody’s ยังระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยเฉพาะจากสถานะของ เงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ยังเป็น “สกุลเงินสำรองของโลก” ซึ่งทำให้ยังสามารถระดมทุนในตลาดโลกได้ดีอยู่
มุมมองนักลงทุนต่อการลดเครดิต: “ไม่เชื่อก็มี”
การประกาศของ Moody’s สร้างความเห็นที่หลากหลายในตลาด:
Gabor Gurbacs ซีอีโอของ Pointsville แสดงความคิดเห็นว่า “Moody’s เคยให้ Aaa กับสินทรัพย์ซับไพรม์ก่อนเกิดวิกฤตปี 2008” จึงไม่เชื่อถือแนวโน้มบวกที่ Moody’s มองไว้ในตอนนี้
ด้าน Jim Bianco นักลงทุนสายแมโครมองว่า ประกาศนี้คือ “nothing burger” หรือไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จริง ๆ
แม้ Moody’s จะยังมองว่าสหรัฐฯ มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง แต่การลดอันดับเครดิตก็เป็น สัญญาณเตือน ว่าโลกเริ่มจับตามองปัญหาโครงสร้างการคลังของประเทศมหาอำนาจเบอร์หนึ่งอย่างจริงจัง
หากรัฐบาลยังไม่สามารถลดขาดดุลได้อย่างยั่งยืน อนาคตอาจต้องพึ่งดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อ “ล่อ” นักลงทุนให้ซื้อพันธบัตร – ซึ่งอาจย้อนกลับมาเป็นกับดักหนี้ที่สหรัฐฯ เองก็หลุดออกมายาก
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ al-monitor.com