Justin Drake หนึ่งในผู้ออกแบบกลไก The Merge ของ Ethereum ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “การโจมตี 51% บน Bitcoin จะถูกกว่าบน Ethereum มาก” โดยเขาประเมินว่าหากจะเจาะระบบ Bitcoin ให้สำเร็จต้องใช้เงิน ราว $10,000 ล้านดอลลาร์
การโจมตี 51% หมายถึง การที่บุคคลหรือกลุ่มใดสามารถควบคุมกำลังขุด (PoW) หรือสัดส่วนการ Stake (PoS) เกิน 50% ของเครือข่ายได้ ซึ่งจะทำให้สามารถเปลี่ยนธุรกรรม หยุดบล็อก หรือแม้แต่โจมตี Double Spend ได้
เสียงเตือนจากฝั่ง Ethereum
1. Respectfully, BTC is completely screwed because of its security budget. It would only cost $8B to 51% attack BTC today. When this gets down to $2B (AKA, BTC's security market cap becomes 0.1% of its asset market cap), a 51% attack is virtually certain to happen. This will…
— gphummer.eth 🦇🔊 (@gphummer) May 14, 2025
Drake สนับสนุนความคิดเห็นของ Grant Hummer ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Etherealize ซึ่งเคยโพสต์บน X เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมว่า:
“Bitcoin กำลังเข้าสู่จุดอันตรายด้านงบความปลอดภัย (security budget) อย่างชัดเจน”
Hummer คำนวณว่า หากต้นทุนโจมตีลดลงเหลือ $2 พันล้าน การโจมตี 51% บน Bitcoin จะมีโอกาส “เกิดขึ้นได้จริง” และ ETH คือคริปโตเพียงตัวเดียวที่ยังคงกระจายศูนย์อย่างแท้จริง
โจมตี Ethereum ยากกว่า – แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
Drake อธิบายว่า การควบคุมเครือข่าย Ethereum ต้องมี 50% + 1 ของ ETH ที่ถูก Stake ไว้ ซึ่งแม้จะไม่เป็นไปไม่ได้ แต่ต้นทุนสูงลิ่ว:
- ปัจจุบันมีการ Stake ETH ทั้งหมด 34.1 ล้าน ETH คิดเป็นมูลค่าราว $89.6 พันล้าน
- ครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้มีมูลค่าราว $44.8 พันล้าน
- แต่หากรวมปัจจัยเรื่องราคาพุ่งและปริมาณซื้อขายรายวัน การโจมตีขนาดนี้อาจต้องใช้เงิน มากกว่านั้นหลายเท่า
Ethereum มี “เกราะสังคม” ป้องกันที่ Bitcoin ไม่มี
Matan Sitbon ซีอีโอของ Lightblocks และ Justin Drake ต่างชี้ว่า Ethereum มี “เลเยอร์สังคม” (Social Layer) ที่สามารถจัดการกับผู้โจมตีได้หากมีการโจมตี 51% จริง:
- ชุมชนสามารถ “แบน” ผู้โจมตีจากระบบ หรือแม้แต่ “Social Slashing” คือการลงโทษผู้ Stake ที่เป็นภัยต่อเครือข่าย
- จุดแข็งนี้ไม่มีในระบบ PoW ของ Bitcoin ซึ่งใช้พลังคอมพิวเตอร์ล้วน ๆ
Drake เรียกระบบนี้ว่า “Superpower ของ Proof-of-Stake” ที่ช่วย Ethereum ต้านภัยได้ในระดับที่ลึกกว่า
Bitcoin ยังมั่นคง แต่เริ่มถูกตั้งคำถาม
นักวิเคราะห์บางคนเช่น Hassan Khan จาก Ordeez ให้ความเห็นว่า ถึงแม้การโจมตี 51% จะเป็นไปได้ในทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ ยังคงยากมาก เพราะต้องใช้พลังขุดและพลังงานมหาศาล
แต่สำหรับ Ethereum แบบ PoS นั้นต้องใช้เงินจำนวนมากในการ Stake ซึ่งแม้จะซื้อได้ แต่การจะคงสถานะผู้ถือครองส่วนใหญ่ไว้ได้นานโดยไม่โดนตรวจจับจากชุมชนก็เป็นเรื่องยากไม่แพ้กัน
ความมั่นคงของเครือข่าย ไม่ได้วัดแค่ “ระบบ” แต่รวมถึง “คน”
บทสรุปของการเปรียบเทียบนี้ คือทั้ง Bitcoin และ Ethereum มีจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง:
- Bitcoin มีระบบ PoW ที่เรียบง่ายและพิสูจน์ตัวเองมานาน แต่เริ่มถูกตั้งคำถามเรื่อง “ต้นทุนความปลอดภัย”
- Ethereum มีระบบ PoS ที่มี “กลไกสังคม” และต้นทุนโจมตีที่สูงกว่า แต่ก็ต้องอาศัยพลังของชุมชนในการป้องกัน
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ academy.swissborg.com