แม้ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) จะเพิ่งออกนโยบายใหม่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อ ลดความเข้มงวดในการดำเนินคดีต่อโปรเจกต์คริปโต แต่ Roman Storm ผู้ร่วมก่อตั้ง Tornado Cash ยังคงต้องเผชิญคดีอาญาครั้งใหญ่ โดยมีโทษสูงสุดถึง 20 ปี
อัยการ Jay Clayton จากสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตัน ยืนยันกับศาลกลางสหรัฐฯ ว่า DOJ จะดำเนินคดีต่อ Storm ตามข้อหาหลักเดิมทั้งหมด ยกเว้นเพียงข้อหาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการไม่จดทะเบียนเป็นผู้ให้บริการโอนเงิน (Money Transmitter)
สาระสำคัญ: ข้อหาที่ถูกตัดออก – และข้อหาที่ยังคงอยู่
ข้อหาที่ DOJ ตัดออก หลังทบทวนนโยบายใหม่ ได้แก่: การสมรู้ร่วมคิดในการดำเนินกิจการโอนเงินโดยไม่ได้รับใบอนุญาต (Conspiracy to operate an unlicensed money transmitting business)
แต่ข้อหาหลักที่ยังดำเนินต่อ คือ:
- สมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน
- สมรู้ร่วมคิดในการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
- การโอนเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมหรือมีเป้าหมายผิดกฎหมาย
โดยแต่ละข้อหาหลักมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ส่วนข้อหาที่ถูกตัดออกเดิมมีโทษสูงสุด 5 ปี
DOJ กล่าวหาว่าโปรโตคอล Tornado Cash ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินคริปโตมูลค่ารวมกว่า $1,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus Group ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร
ส่วน Storm ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และมีกำหนดเข้าสู่กระบวนการไต่สวนคดีในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้
นโยบายใหม่ DOJ ส่งผลต่อคดีอื่นในวงการคริปโต
นโยบายใหม่จากรองอัยการสูงสุด Todd Blanche ที่ออกเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2025 ระบุว่า DOJ จะ ไม่ฟ้องร้องนักพัฒนาคริปโตจากพฤติกรรมของผู้ใช้ หรือจากความผิดที่ไม่เจตนา ทำให้หลายโปรเจกต์เริ่มใช้บันทึกฉบับนี้เป็นแนวทางสู้คดี
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ theblock.co