Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้กล่าวปาฐกถาในงานประชุมโต๊ะกลมวันที่ 12 พฤษภาคม ซึ่งจัดขึ้นเพื่อหารือเรื่อง Tokenization และสินทรัพย์ดิจิทัล โดย Atkins ประกาศจุดยืนใหม่ว่า ถึงเวลาแล้วสำหรับ “วันใหม่ของ SEC” ที่จะไม่ใช้วิธีออกกฎผ่านการบังคับใช้แบบสุ่ม (regulation by enforcement) อีกต่อไป
SEC เตรียมร่างกฎใหม่ที่เหมาะสมกับยุคคริปโต
Atkins กล่าวว่า SEC จะใช้อำนาจที่มีอยู่ในการออกกฎ, ตีความ และยกเว้นข้อกำหนด เพื่อร่างกฎเกณฑ์ที่ “เหมาะสมกับการใช้งานจริง” สำหรับผู้เล่นในตลาดคริปโต จุดประสงค์หลักคือเพื่อ:
- วางกรอบกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับการออก, การเก็บรักษา (custody) และการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
- ยับยั้งผู้ไม่หวังดีที่ละเมิดกฎหมาย
- กำหนดแนวทางสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่อาจเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ (securities)
- เปิดทางให้โบรกเกอร์สามารถให้บริการผลิตภัณฑ์ลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น แม้บางส่วนจะไม่ใช่หลักทรัพย์
ท่าทีของ Atkins ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญจากยุคของอดีตประธาน Gary Gensler ที่เคยถูกวิจารณ์ว่าเน้นจับผิดและฟ้องร้องเป็นหลัก
Tokenization = การพัฒนาตลาดแบบ Streaming Music?
Atkins เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนผ่านเทคโนโลยี Blockchain ว่าเหมือนกับวิวัฒนาการของไฟล์เสียง จากแผ่นเสียง → เทปคาสเซต → ไฟล์ดิจิทัล → สู่ระบบ Streaming ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ที่ทั้งผู้บริโภคและเศรษฐกิจสหรัฐได้รับประโยชน์
ในมุมของตลาดทุน การทำ Tokenization ของหลักทรัพย์ อาจช่วย:
- เร่งความเร็วในการชำระเงิน (settlement)
- ลดการพึ่งพาโครงสร้างระบบการเงินแบบเดิม
- เปิดให้คนทั่วไปเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มสภาพคล่องในสินทรัพย์ที่เคยเข้าถึงยาก เช่น พันธบัตร, อสังหา, หรือทรัพย์สินทางเลือก
จาก BlackRock ถึง Robinhood
บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock และ Franklin Templeton ได้เข้าสู่โลก Tokenization แล้ว ด้วยกองทุนพันธบัตรสหรัฐแบบโทเคน BUIDL และ BENJI ส่วน Robinhood ก็กำลังพัฒนา Blockchain ที่เปิดให้ชาวยุโรปสามารถเทรดหลักทรัพย์สหรัฐในรูปแบบโทเคนได้
ตลาด RWA (Real-World Assets) โตต่อเนื่อง
- มูลค่ารวมของสินทรัพย์จริงที่อยู่บนบล็อกเชน (ไม่นับ Stablecoin) อยู่ที่ $22.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.6% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก RWA.xyz)
- Stablecoin อย่าง USDT และ USDC ซึ่งมีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง ยังครองตลาดอยู่ โดย USDT มีมูลค่าตลาดสูงถึง $150.6 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่ารวม Stablecoin ที่ $243 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม (ข้อมูลจาก DefiLlama)
SEC ภายใต้การนำของ Paul Atkins กำลังเปลี่ยนแนวทางสู่การ “ร่วมมือ” แทนการ “ปราบปราม” ด้วยการวางกฎที่ชัดเจนและสอดคล้องกับยุคสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกทั้งต่ออุตสาหกรรมคริปโตและการเงินดั้งเดิมที่กำลังเข้าสู่ยุคใหม่แห่ง Tokenization
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ thenewscrypto.com