Robert Kiyosaki นักลงทุนชื่อดังและผู้เขียนหนังสือขายดี Rich Dad Poor Dad ออกมาเตือนสังคมอีกครั้งถึงอันตรายของ “นโยบายการเงินแบบรวมศูนย์” ที่ควบคุมโดยธนาคารกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) พร้อมเรียกร้องให้ผู้คนเลิกเชื่อถือใน “เงินเฟค” และหันไปถือทรัพย์สินที่แท้จริง เช่น Bitcoin ทองคำ และซิลเวอร์
ในโพสต์เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม บนแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) Kiyosaki อ้างอิงคำพูดของ Ron Paul อดีตสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐและผู้เขียนหนังสือ End the Fed ซึ่งวิจารณ์อย่างหนักว่า “การตั้งอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลาง คือการควบคุมราคาที่ไม่ต่างจากระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม”
Ron Paul เตือนว่าระบบนี้จะทำลายเสรีภาพทางเศรษฐกิจและกัดกร่อนความมั่งคั่งของประชาชน ซึ่งเป็นมุมมองที่สอดคล้องกับจุดยืนของ Kiyosaki มานาน
Kiyosaki ระบุว่า “เงินปลอม นำไปสู่ความไม่ซื่อสัตย์ในทุกระบบ ตั้งแต่ตัวเลขบัญชี ไปจนถึงผู้นำประเทศ” เขาจึงเชิญชวนให้ชาวอเมริกัน “ลุกขึ้นสู้” ด้วยการปฏิเสธระบบเงินตราแบบเดิม และหันไปพึ่งพาทรัพย์สินแบบกระจายศูนย์ที่ไม่สามารถถูกพิมพ์เพิ่มได้ เช่น Bitcoin ทองคำ และซิลเวอร์
จุดยืนเดิมของ Kiyosaki: ไม่เชื่อในดอลลาร์สหรัฐ
Kiyosaki เป็นนักวิจารณ์ระบบการเงินดั้งเดิมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ดอลลาร์สหรัฐ” ที่เขามองว่าเป็น “สกุลเงินที่กำลังตาย” เพราะรัฐบาลใช้งบประมาณเกินตัว และ Fed พิมพ์เงินออกมาไม่หยุดจนสร้างเงินเฟ้อในระยะยาว
แนวคิดทางการเงินของเขายึดตามหลักของเศรษฐศาสตร์ออสเตรีย ซึ่งเน้นการถือครองทรัพย์สินที่มีจำนวนจำกัด ไม่สามารถถูกลดมูลค่าด้วยนโยบายการเงิน เช่น ทองคำ ซิลเวอร์ และ Bitcoin
“อย่าทำงานหรือเก็บออมในเงินปลอม” เขากล่าว “แต่ให้ตั้งมาตรฐานใหม่ของตัวเอง ด้วยทองคำ เงิน และ Bitcoin ที่ไม่มีใครควบคุมได้”
ในโพสต์ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 เมษายน Kiyosaki ทำนายว่า Bitcoin อาจพุ่งถึง $1,000,000 ภายในปี 2035 หากแนวโน้มเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป พร้อมคาดว่าในอนาคต:
- ทองคำจะมีมูลค่าถึง $30,000 ต่อออนซ์
- เงินแท่งจะมีมูลค่า $3,000 ต่อเหรียญ
ไม่ได้มีแค่ Kiyosaki ที่มั่นใจใน Bitcoin
Cathie Wood ซีอีโอของ ARK Invest ก็เคยกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ว่า Bitcoin อาจแตะ $1.5 ล้าน ภายในปี 2030 หากความต้องการยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Eric Trump ก็ได้แสดงมุมมองเดียวกันในเวที Bitcoin MENA ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อเดือนธันวาคม โดยเชื่อว่า “ความขาดแคลนของ Bitcoin” จะเป็นแรงผลักดันให้ราคาพุ่งแตะ $1 ล้านในอนาคต
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ finbold.com