บริษัท Strategy ซึ่งเป็นบริษัทคลังสำรอง Bitcoin กำลังเข้าซื้อ BTC ด้วยความเร็วที่สูงกว่าจำนวนเหรียญใหม่ที่นักขุดผลิตได้ในแต่ละวัน ส่งผลให้ Bitcoin ซึ่งมีอุปทานจำกัด เกิดสภาพ “เงินฝืด” ทางเทคนิคที่ระดับ -2.33% ต่อปี ตามการวิเคราะห์ของ Ki Young Ju ซีอีโอแห่ง CryptoQuant
เขาเปิดเผยผ่านโพสต์ใน X เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมว่า “Strategy ถือครอง Bitcoin จำนวน 555,000 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญแบบ illiquid (ไม่มีแผนจะขาย) ทำให้อัตราเงินฝืดของ BTC อยู่ที่ -2.23% ต่อปี และอาจสูงกว่านี้เมื่อรวมกับสถาบันอื่นที่ถือ BTC อย่างมั่นคง”

Michael Saylor ผู้ร่วมก่อตั้ง Strategy และเป็นนักเผยแพร่แนวคิด Bitcoin ตัวยง ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มนำ BTC มาใช้เป็นทรัพย์สินในคลังสำรองเช่นกัน
นอกจากนี้ Strategy ยังทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อม Bitcoin เข้ากับโลกการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) โดยดึงเงินทุนจากนักลงทุนสถาบันผ่านการขายตราสารหนี้และหุ้นของบริษัท แล้วนำไปใช้ซื้อ Bitcoin เพิ่มต่อเนื่อง ปัจจุบันมีนักลงทุนสถาบันกว่า 13,000 รายที่ถือหุ้นของ Strategy ไว้ในพอร์ตการลงทุนของตนนักลงทุนทั่วโลกจับตาดู Strategy อย่างใกล้ชิด เพราะการเข้าซื้ออย่างหนักของบริษัทนี้อาจส่งผลต่อโครงสร้างตลาด Bitcoin โดยรวม ไม่เพียงแต่จำกัดจำนวน BTC ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด แต่ยังช่วยพยุงราคาขึ้น และลดความผันผวนของราคาอีกด้วย
Strategy เปลี่ยนเกมตลาด Bitcoin
Adam Livingston ผู้เขียนหนังสือ The Bitcoin Age and The Great Harvest กล่าวว่าการซื้อ BTC ของ Strategy เปรียบเสมือน “การ Halving แบบสังเคราะห์” เพราะดูดเหรียญจากตลาดมากกว่าที่นักขุดผลิตได้หลายเท่า
- ปัจจุบัน นักขุดผลิต Bitcoin ได้เฉลี่ย 450 เหรียญต่อวัน
- แต่ Strategy ซื้อ BTC สูงถึง 2,087 เหรียญต่อวัน มากกว่าถึง 4 เท่า
ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินอื่น ๆ เช่น กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทเทคโนโลยี และผู้จัดการสินทรัพย์ ก็กำลังเพิ่มการถือครอง BTC เพื่อกระจายความเสี่ยงและป้องกันเงินเฟ้อจากสกุลเงินหลัก

กระแสการไหลเข้าของเงินทุนผ่านกองทุน ETF Bitcoin ก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาเสถียรภาพราคา BTC โดยลดความผันผวน และทำให้การย่อตัวของราคามีน้อยลง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนสถาบันระดับสูงสุดอย่าง “กองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ” (Sovereign Wealth Funds) ยังไม่เข้าสู่ตลาด BTC อย่างจริงจัง เนื่องจากยังรอความชัดเจนด้านกฎหมายในสหรัฐฯ
Anthony Scaramucci ผู้ก่อตั้ง SkyBridge ระบุว่า เมื่อสหรัฐฯ มีกฎหมายคริปโตที่เป็นทางการและครอบคลุมเมื่อใด เมื่อนั้นกองทุนมั่งคั่งเหล่านี้จะทยอยเข้าซื้อ Bitcoin ครั้งใหญ่ทันที และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ดันราคาขึ้นอีกระลอก
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ crypto-economy.com