David Bailey ซีอีโอของ Bitcoin Magazine และที่ปรึกษานโยบายคริปโตของประธานาธิบดี Donald Trump ได้เปิดตัวโครงการใหม่ในชื่อ “Nakamoto” พร้อมระดมทุนได้แล้วกว่า $300 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการขับเคลื่อนการยอมรับ Bitcoin ผ่านการเข้าซื้อกิจการในหลากหลายประเทศ และนำบริษัทเข้าตลาด Nasdaq ผ่านการควบรวมกับบริษัทที่จดทะเบียนอยู่แล้ว
แผนการใหญ่: สะสม BTC และยึดกิจการรอบโลก
Bailey ระบุว่าเงินทุนที่ได้มาจากรอบล่าสุดแบ่งเป็น $200 ล้านในรูปแบบทุน (equity) และอีก $100 ล้านเป็นหนี้แปลงสภาพ (convertible debt) ซึ่งจะถูกใช้ตามแผน “Treasury Strategy” สไตล์ MicroStrategy — คือการถือครอง Bitcoin ไว้เป็นสินทรัพย์หลักในงบดุล
“Nakamoto จะเป็นมากกว่าบริษัทลงทุน” Bailey กล่าว “เรากำลังสร้างบริษัทที่มี BTC เป็นแกนกลางของกลยุทธ์ทางการเงินและองค์กร”
เป้าหมายระยะสั้นคือเข้าซื้อกิจการในประเทศที่เศรษฐกิจยังมีช่องว่าง เช่น บราซิล, ไทย และแอฟริกาใต้ ซึ่งมีโอกาสในการแทรกตัวของ Bitcoin สูง เนื่องจากระบบการเงินดั้งเดิมยังมีข้อจำกัด และค่าเงินผันผวน
สร้างเครือบริษัทคล้าย MicroStrategy
Bailey ตั้งเป้าว่า Nakamoto จะสร้างเครือบริษัทที่มีลักษณะคล้าย MicroStrategy — คือมี Bitcoin เป็นสินทรัพย์หลัก พร้อมใช้เป็น “เสาหลัก” ทางยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ถือเพื่อเก็งกำไร แต่ฝังอยู่ในโครงสร้างธุรกิจจริง เช่น ใช้ในการชำระบัญชี, ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และสร้างความเป็นอิสระทางการเงินให้กับบริษัท
เขาย้ำว่า Bitcoin ควรถูกมองเป็น “สินทรัพย์สำรองพื้นฐาน” แทนที่จะเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรเฉพาะกลุ่ม
จังหวะที่เหมาะสม ท่ามกลางกระแสสถาบันแห่เข้าตลาด Bitcoin
Nakamoto เปิดตัวในช่วงที่กระแสสถาบันหันมาลงทุนใน Bitcoin กำลังมาแรง ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Spot ETF หรือกลยุทธ์ถือครองในงบดุลแบบ MicroStrategy
บริษัทอื่น ๆ อย่าง Twenty One Capital และ Strive Asset Management ก็เริ่มปรับกลยุทธ์เข้าสู่ Bitcoin เช่นกัน แต่ Bailey ชูจุดยืนว่า Nakamoto แตกต่าง เพราะไม่ได้แค่ลงทุนตามกระแส แต่ผูกติดพันกับอุดมการณ์ — เชื่อว่า Bitcoin คือ “เงินที่เหนือกว่า” (superior form of money)
Nakamoto อาจเป็นหมุดหมายใหม่ของ Bitcoin บนเวทีโลก
ด้วยเงินทุนที่พร้อมกว่า $300 ล้าน วิสัยทัศน์ระดับโลก และแผนเข้าตลาด Nasdaq อย่างจริงจัง Nakamoto อาจกลายเป็นตัวเร่งการยอมรับ Bitcoin ในภาคธุรกิจทั่วโลก และอาจกลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่น ๆ หันมาใช้ BTC ไม่ใช่แค่เพื่อถือ แต่เพื่อ “ดำเนินธุรกิจบน Bitcoin” อย่างแท้จริง
อ้างอิง : coindesk.com