Ethereum ได้อัปเกรดเครือข่ายครั้งสำคัญที่ชื่อว่า Pectra Upgrade อย่างสมบูรณ์ แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนประหลาดใจคือ ราคาของ ETH และตัวชี้วัดในตลาดอนุพันธ์กลับ ไม่ขยับตาม การอัปเกรดเลยแม้แต่น้อย
เป้าหมายของ Ethereum ตอนนี้คือการกลับไปยืนเหนือระดับ $2,200 ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 22% จากระดับราคาปัจจุบันที่ราว $1,810 แต่แรงซื้อจากนักลงทุนยังดูเบาบาง โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์ส ที่พรีเมียมของ ETH ยังต่ำกว่า 5% ซึ่งเป็นระดับกลางที่ถือว่า “เป็นกลาง” บ่งชี้ว่านักลงทุนสายเก็งกำไรยังไม่กล้าเข้ามาเต็มตัว แม้จะมีข่าวดีจากการอัปเกรดก็ตาม
หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือบรรยากาศของตลาดโลกที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย และปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศ แต่ปฏิกิริยาที่ซบเซาต่อ ETH นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ตอนนี้ เพราะในไตรมาสแรกของปี 2025 ราคาของ ETH ยัง ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดคริปโตถึง 28% แล้ว
แม้ Ethereum จะเป็นผู้นำในด้านมูลค่ารวมที่ถูกล็อก (TVL) ซึ่งสูงถึง $53.7 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับไม่ได้สะท้อนออกมาในราคาหรือรายได้ของผู้ถือเหรียญ ETH เพราะในช่วง 30 วันที่ผ่านมา Ethereum ทำรายได้จากค่าธรรมเนียมเพียง $19 ล้าน เทียบกับ Tron ที่ทำได้ $51.8 ล้าน และ Solana ที่ตามมาใกล้ ๆ ที่ $39.4 ล้าน

นอกจากนี้ การแข่งขันก็รุนแรงขึ้นทุกวัน —
- Solana กลายเป็นเบอร์หนึ่งด้านการเปิดตัวเหรียญใหม่และประสบความสำเร็จในตลาด DEX
- Hyperliquid แซงหน้าในตลาดฟิวเจอร์ส
- Tron ครองตลาด Stablecoin อย่างต่อเนื่อง
- BNB Chain และ Solana ก็ยังชนะเรื่องประสบการณ์ใช้งาน (UX) เพราะเชื่อมโยง DApps ได้ลื่นไหลกว่า
แม้ Pectra Upgrade จะทำให้ค่าธรรมเนียม ‘blob fees’ ลดลงเหลือระดับต่ำสุด แต่ปัญหาใหญ่ที่ยังคงอยู่คือ การสื่อสารและเชื่อมโยงระหว่าง Layer 2 ของ Ethereum ยังไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถย้ายข้อมูลหรือสินทรัพย์ระหว่างแอปพลิเคชันได้ง่าย ต่างจาก Solana หรือ BNB Chain ที่ประสบการณ์ใช้ดีกว่าชัดเจน

สุดท้าย แม้ Ethereum จะยังเป็นแกนกลางของโลก DeFi แต่หากยังไม่สามารถยกระดับ UX หรือสร้างแรงจูงใจที่มากพอผ่านการ Staking หรือ DApp ที่น่าสนใจ ราคาของ ETH ก็อาจ ยืนอยู่ที่เดิมต่อไป
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ bankless.com