การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่าเฟดจะ “คงดอกเบี้ย” แต่หากกระทรวงการคลังจำเป็นต้องอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย ก็อาจกลายเป็นแรงผลักดันให้ Bitcoin และ altcoins พุ่งขึ้นได้
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า-ทองคำพุ่ง
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ร่วงลงต่ำกว่า 100 ครั้งแรกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 ขณะที่ทองคำพุ่งขึ้นกว่า 12% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา สะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนในเศรษฐกิจสหรัฐ และการหันไปหาสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัด เช่น Bitcoin
นักลงทุนชื่อดัง Jim Paulsen ระบุว่า เมื่ออัตราดอกเบี้ยเฟดสูงกว่าระดับ “เป็นกลาง” เศรษฐกิจมักเข้าสู่ภาวะถดถอย และประธานาธิบดีทรัมป์เองก็ออกมาวิจารณ์ว่าเฟดยังไม่ลดต้นทุนทางการเงินเร็วพอ
The real Fed funds rate is significantly above the neutral rate of interest. Since 1971, when the funds rate less the neutral rate has been as high as it is today, the economy was either headed to a recession or a growth recession. The Fed needs to ease!https://t.co/cmZvbGqspf pic.twitter.com/qjaG0Kfblw
— Jim Paulsen (@jimwpaulsen) May 2, 2025
แม้ไม่ลดดอกเบี้ย แต่เฟดเริ่มซื้อพันธบัตรอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา เฟดได้เข้าซื้อพันธบัตรมูลค่า 20,500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณของการกลับมาอัดฉีดสภาพคล่องอีกครั้ง การเพิ่มสภาพคล่องลักษณะนี้ในอดีตเคยช่วยดันราคาคริปโตให้พุ่งขึ้นได้
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่า ความคาดหวังที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเหลือ 4.0% หรือต่ำกว่านั้น ภายในเดือนกันยายน ลดลงเหลือเพียง 76% จากเดิม 90% ในช่วงปลายเดือนเมษายน สะท้อนความไม่แน่นอนที่อาจนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจทางอื่นแทน

หากเฟดขยายงบดุลอีกครั้ง นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า จะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ Bitcoin ที่มีคุณสมบัติเป็นสินทรัพย์ต้านเงินเฟ้อ
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ news.bitcoin.com