ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดคริปโตมีการผันผวนอย่างมากในวันที่ 9 เมษายน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศหยุดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรร่วมกันเป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นจีน
ราคา Bitcoin ตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยพุ่งขึ้นถึง 5% ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง กลับไปแตะระดับ $83,000 ซึ่งเคยเห็นล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายน
ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นถึง 8% แต่เมตริกในตลาดอนุพันธ์ของ Bitcoin ยังไม่แสดงสัญญาณเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากนักเทรดยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว
เบี้ยประกัน (premium) ของสัญญา BTC Futures เคยขึ้นเหนือระดับปกติที่ 5% ชั่วคราว แต่ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้ นักลงทุนยังคงสงสัยว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดดังกล่าวก็ขยับห่างจากระดับ 3% ที่เคยเห็นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มกระทิงในตลาด หลังจากที่ Bitcoin เคยพยายามหลายครั้งที่จะหลุดต่ำกว่าระดับ $76,000 แต่ไม่สำเร็จ
นักเทรดกังวลหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีผันผวน
ความลังเลของนักเทรดบางส่วนเกิดจากรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 เมษายน รายงานนี้มาจากการประชุมเมื่อวันที่ 18-19 มีนาคม โดยเน้นถึงความกังวลเรื่อง “ภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ” (stagflation)
ตามข้อมูลจาก CME FEDWatch Tool ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยลงต่ำกว่า 4% ภายในวันที่ 17 กันยายน ลดลงจาก 97.6% เมื่อวันที่ 8 เมษายน เหลือเพียง 69.7% ในวันที่ 9 เมษายน
นักลงทุนเริ่มวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่อ่อนตัวลง ซึ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อความสามารถของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการบริหารหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักเศรษฐศาสตร์ Peter Boockvar ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ The Boock Report ให้สัมภาษณ์กับ Yahoo Finance ว่า “เราสามารถขีดเส้นที่ระดับ 4.40% สำหรับพันธบัตร 10 ปี” พร้อมเสริมว่านักลงทุนกังวลว่า “ต่างชาติอาจจะยังคงขายพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง”
เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น แสดงว่านักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้นจากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ต้นทุนการกู้เงินเพิ่มขึ้น และอาจเข้าสู่ภาวะลูปด้านลบที่กดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ความไม่แน่นอนเหล่านี้ยังสะท้อนผ่านตลาดออปชันของ Bitcoin เช่นกัน
ตลาดอนุพันธ์ Bitcoin บ่งชี้ว่ายังขาดความมั่นใจจากฝั่งกระทิง
เมื่อเทรดเดอร์คาดว่าตลาดจะปรับตัวลง ราคาของออปชันฝั่งขาย (put) จะพุ่งขึ้นเหนือออปชันฝั่งซื้อ (call) ซึ่งจะทำให้ค่าความเบ้ของเดลต้า (25% delta skew) เกิน 6% แต่หากตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น ตัวเลขนี้มักจะต่ำกว่า -6%
ในวันที่ 9 เมษายน ค่าความเบ้ของเดลต้าในตลาดออปชัน Bitcoin พุ่งถึง 12% หลังจากที่จีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ แต่ตัวเลขนี้พลิกกลับลงทันทีหลังทรัมป์ประกาศชะลอการเก็บภาษี โดยตัวชี้วัดกลับมาที่ระดับกลางที่ 3% แสดงให้เห็นว่าตลาดออปชันมองโอกาสขึ้น-ลงของราคาพอๆ กัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดได้ยุติภาวะหมี (ขาลง) ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 29 มีนาคม
เพื่อประเมินว่าความลังเลนี้จำกัดอยู่แค่ในตลาดฟิวเจอร์สและออปชันหรือไม่ เราสามารถดูที่อัตราค่าธรรมเนียมฟันดิ้งในสัญญา Perpetual Futures ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคาสปอต โดยอาศัยค่าฟันดิ้งทุก 8 ชั่วโมง ในภาวะตลาดปกติ ค่านี้จะอยู่ระหว่าง 0.4% ถึง 1.4% ต่อเดือน
ในวันที่ 9 เมษายน อัตราค่าฟันดิ้งเฉลี่ย 30 วันของสัญญา BTC Futures ขึ้นแตะ 0.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์ สะท้อนถึงการเข้าซื้อของนักลงทุนรายย่อย แต่ยังคงอยู่ในระดับ “กลาง” ไม่ได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มชัดเจน
ภาพรวมของเมตริกในตลาดอนุพันธ์ Bitcoin แสดงให้เห็นว่า การพักเก็บภาษีของทรัมป์ยังไม่เพียงพอที่จะฟื้นความมั่นใจของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงดำเนินต่อไป
สิ่งที่จะทำให้นักเทรด Bitcoin เปลี่ยนท่าทีเป็นขาขึ้นได้ อาจต้องรอให้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะในเรื่องของพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ ลดลงก่อน
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryptonews.com
