บริษัท Strategy ของ Michael Saylor ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ถือ Bitcoin ไม่ได้เพิ่มการถือครอง BTC เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในการยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 7 เมษายน Strategy ประกาศว่าไม่ได้ซื้อ Bitcoin เพิ่ม ในช่วงสัปดาห์ระหว่างวันที่ 31 มีนาคมถึง 6 เมษายน
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์ โดย BTC พุ่งสูงถึง 87,000 ดอลลาร์ในวันที่ 2 เมษายน หลังจากเริ่มต้นสัปดาห์ที่ประมาณ 82,000 ดอลลาร์ตามข้อมูลจาก CoinGecko
จากนั้น BTC ร่วงลงมาต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์ในวันที่ 6 เมษายน ซึ่งถือเป็นส่วนลดที่สำคัญเมื่อเทียบกับราคา BTC เฉลี่ยของการซื้อ BTC 22,000 BTC ครั้งก่อนของ Strategy ที่ประกาศเมื่อวันที่ 31 มีนาคม
ในช่วงระหว่างวันที่ 31 มีนาคมถึง 6 เมษายน Strategy ยังไม่ได้ขายหุ้นสามัญประเภทเอใดๆ เลย ซึ่งบริษัทมีแนวโน้มที่จะนำไปใช้สำหรับการจัดหาเงินทุนในการซื้อ Bitcoin ตามที่เอกสารยื่นระบุ
ณ วันที่ 7 เมษายน Strategy ถือครอง Bitcoin รวมจำนวน 528,185 BTC ที่ซื้อในราคา 35.6 พันล้านดอลลาร์ หรือในราคาเฉลี่ย 67,458 เหรียญต่อ BTC
“การสูญเสียที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากสินทรัพย์ดิจิทัลของเราสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 อยู่ที่ 5.91 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลให้เกิดการขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนด้วยผลประโยชน์ภาษีรายได้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 1.69 พันล้านดอลลาร์” เอกสารที่ยื่นระบุเพิ่มเติม
แม้ว่า Strategy จะหลีกเลี่ยงการซื้อ Bitcoin เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ผู้ก่อตั้งร่วมและอดีต CEO อย่าง Saylor ยังคงโพสต์เกี่ยวกับความเหนือกว่าของสินทรัพย์ดิจิทัลบนโซเชียลมีเดีย
“Bitcoin ผันผวนที่สุด เพราะมันมีประโยชน์ที่สุด” Saylor เขียนไว้ในโพสต์บน X เมื่อวันที่ 3 เมษายน ไม่นานหลังจากที่ราคา BTC ร่วงจากจุดสูงสุดระหว่างสัปดาห์ที่ 87,100 ดอลลาร์ในวันที่ 2 เมษายน ลงมาต่ำกว่า 82,000 ดอลลาร์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศมาตรการภาษีใหม่
“ปฏิกิริยาของตลาดต่อภาษีศุลกากรในปัจจุบันเป็นการเตือนใจว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น” Saylor เขียนไว้ในโพสต์ X อีกโพสต์หนึ่ง
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ youtube.com
