Bohdan Opryshko ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Everstake ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสเตกกิ้ง กล่าวว่าแนวทางการกำกับดูแลฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ธนาคารต่างๆ กลายเป็นผู้ตรวจสอบเครือข่ายบล็อคเชนนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับการนำไปใช้ในสถาบันต่างๆ แต่จะทำให้ความเสี่ยงในการรวมอำนาจนั้นเลวร้ายลง
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม สำนักงานผู้ควบคุมสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา (OCC) ได้ผ่อนปรนจุดยืนเกี่ยวกับวิธีที่ธนาคารต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมกับสกุลเงินดิจิทัลได้ รวมถึงการอนุญาตให้ธนาคารต่างๆ เข้าร่วม “เครือข่ายการตรวจสอบโหนดอิสระ” หน่วยงานกำกับดูแล กล่าว
Opryshko กล่าวว่าการที่ธนาคารในสหรัฐฯ มีส่วนร่วมมากขึ้นในเครือข่าย proof-of-stake (PoS) เช่น Ethereum และ Solana อาจเป็น “ดาบสองคม”
“หากธนาคารกลายเป็นผู้ตรวจสอบที่มีอำนาจเหนือกว่า อำนาจอาจกระจุกตัวกันมากขึ้น ส่งผลให้ลักษณะการกระจายอำนาจของเครือข่าย PoS ลดลง”
กระแสเงินทุนเพิ่มเติมที่ไหลเข้าสู่เครือข่าย PoS อาจกดผลตอบแทนจากการเดิมพัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ตรวจสอบที่เล็กกว่าได้ เขากล่าวเสริม
Opryshko กล่าวว่า “หากผู้เล่นสถาบันหลักๆ เช่น ธนาคาร เข้าสู่ตลาด staking ในปริมาณมากอย่างกะทันหัน […] อาจส่งผลให้ผลตอบแทนจากการเดิมพันสำหรับผู้เข้าร่วมรายอื่นลดลงอย่างรวดเร็ว”
ณ วันที่ 12 มีนาคม ผู้ stake Ether จะได้รับ APR ประมาณ 5.5% และผู้เดิมพัน Solana จะได้รับเกือบ 8% ตามข้อมูลจาก Staking Rewards
การประกาศของ OCC เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะยุติการปราบปรามทางกฎระเบียบที่ยืดเยื้อซึ่งจำกัดการเข้าถึงบริการธนาคารของบริษัทคริปโต
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ mindspire-consulting.com