Michael Saylor ผู้ก่อตั้ง Strategy ได้เสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าซื้อ Bitcoin สูงสุดถึง 25% ของอุปทานทั้งหมดภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อสร้าง “คลังสำรอง Bitcoin แห่งชาติ” (Strategic Bitcoin Reserve)
Saylor อธิบายว่า รัฐบาลควรซื้อ Bitcoin อย่างสม่ำเสมอผ่านกระบวนการอัตโนมัติในช่วงปี 2025-2035 ซึ่งเป็นช่วงที่ 99% ของ Bitcoin ทั้งหมดจะถูกขุดขึ้นมาแล้ว โดยเขาได้นำเสนอแนวคิดนี้ผ่านเอกสารชื่อ “กลยุทธ์สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อครองเศรษฐกิจโลกศตวรรษที่ 21” (A Digital Assets Strategy to Dominate the 21st Century Global Economy)
Saylor ย้ำรัฐบาลสหรัฐฯ “ห้ามขาย Bitcoin” เด็ดขาด
Saylor ได้นำเสนอเอกสารดังกล่าวแก่ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำคริปโตระดับโลก ในงาน White House Crypto Summit เมื่อวันที่ 7 มีนาคม
เขาแนะนำว่ารัฐบาลควรยึดมั่นในนโยบาย “Never Sell” (ห้ามขาย Bitcoin) โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี 2045 คลังสำรอง Bitcoin แห่งชาติจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า $10 ล้านล้านต่อปี และกลายเป็น “แหล่งความมั่งคั่งนิรันดร์” ของชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ Saylor ยังกล่าวว่า จนถึงปี 2045 กองทุนสำรองนี้อาจสร้างรายได้ให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระหว่าง $16 ล้านล้าน ถึง $81 ล้านล้าน ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาหนี้สาธารณะของประเทศได้
หากรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าซื้อ Bitcoin ตามแผน 25% ของอุปทานทั้งหมด หมายความว่า จะถือครอง BTC มากถึง 5.25 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าแนวคิดเดิมของ วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ที่เสนอให้รัฐบาลถือ 1 ล้าน BTC (5% ของอุปทานทั้งหมด) ตาม Bitcoin Act ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2024
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ coindesk.com
