คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้รับรองการยื่นคำขอแบบ 19b-4 จาก Cboe BZX Exchange ในนามของ 21Shares เมื่อช่วงบ่ายวันพุธ เพื่อเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอนุญาตให้มีการสเตกกิ้ง (Staking) สำหรับอีเธอร์ (ETH) ที่ถือโดย 21Shares Core Ethereum ETF
หากได้รับอนุมัติ ETF ดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการสเตกกิ้ง ETH ที่ถือครองอยู่ และส่งต่อผลกำไรดังกล่าวให้แก่นักลงทุน
“Ether ที่ถูกนำไปสเตกกิ้งโดยผู้สนับสนุน (Sponsor) ในนามของทรัสต์ จะประกอบไปด้วย Ether ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทรัสต์เท่านั้น” ตามที่ระบุไว้ในเอกสารที่ยื่น “กิจกรรมสเตกกิ้งของผู้สนับสนุนจะไม่ถือเป็น ‘การสเตกกิ้งแบบมอบหมาย’ (Delegated Staking) และจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของบริการ ‘Staking as a Service'”
SEC อนุมัติการซื้อขาย Spot Ethereum ETF เมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยบริษัทหลายแห่งได้ตัดการสเตกกิ้งออกจากคำร้องขอจดทะเบียนของตน เนื่องจากภายใต้การบริหารงานของอดีตประธาน Gary Gensler SEC เคยระบุว่าโทเค็นที่ใช้กลไก Proof-of-Stake (PoS) เป็นหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ภายใต้การบริหารของรัฐบาลทรัมป์ SEC มีท่าทีเป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น และได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อกำกับดูแลคริปโต พร้อมมีแผนที่จะจัดประเภทของโทเค็นบางส่วนว่าไม่ใช่หลักทรัพย์
“ภายใต้การบริหารของทรัมป์ การสเตกกิ้งมีแนวโน้มที่จะได้รับกรอบกฎหมายที่ชัดเจน ซึ่งจะปูทางไปสู่การยอมรับในวงกว้าง รวมถึงการมีส่วนร่วมของสถาบันต่าง ๆ” Ruslan Lienkha หัวหน้าฝ่ายตลาดของ YouHodler กล่าวกับ The Block เมื่อเดือนธันวาคม “เมื่อกรอบกฎหมายนี้ถูกกำหนดขึ้น Ethereum จะสามารถดึงดูดสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เนื่องจากเปิดโอกาสให้สร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมผ่านการสเตกกิ้ง”
การถือครอง Ethereum ETF ของสถาบันเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สี่ ตามเอกสาร 13F ล่าสุด โดยสัดส่วนการถือครอง ETH ETF โดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็น 14.5% ขณะที่ BTC ETF ลดลงเล็กน้อยจาก 22.3% เหลือ 21.5%
อ้างอิง : theblock.co