คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ (Christopher Waller) ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ระบุว่า Stablecoin อาจช่วยขยายการใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเรียกร้องให้มีกรอบกำกับดูแลที่เปิดทางให้ธนาคารสามารถออกสกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับดอลลาร์ได้
วอลเลอร์กล่าวในการประชุมที่ซานฟรานซิสโกเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ว่า Stablecoin เป็นนวัตกรรมสำคัญของระบบนิเวศคริปโต ที่มีศักยภาพในการปรับปรุงการชำระเงินทั้งในระดับค้าปลีกและข้ามพรมแดน
เขายังเสริมว่า ตลาด Stablecoin มีการพัฒนาไปมาก และควรได้รับประโยชน์จากกรอบกำกับดูแลและการกำกับดูแลของสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นไปที่ความเสี่ยงของ Stablecoin โดยตรงอย่างรอบด้านและจำกัดขอบเขตอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ กรอบนี้ควรเปิดโอกาสให้ทั้งธนาคารและองค์กรที่ไม่ใช่ธนาคารสามารถออก Stablecoin ได้
“กรอบกำกับดูแลนี้ควรเปิดทางให้ทั้งธนาคารและองค์กรที่ไม่ใช่ธนาคารสามารถออก Stablecoin ได้ โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบของกฎระเบียบต่อระบบการชำระเงิน รวมถึงการแข่งขันกับเครื่องมือการชำระเงินอื่น ๆ”
วอลเลอร์ยังแสดงความเชื่อมั่นในภาคเอกชนในการพัฒนาโซลูชัน Stablecoin ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้บริโภค พร้อมเรียกร้องให้มีระเบียบที่ชัดเจน
“ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของภาคเอกชนที่จะพัฒนาโซลูชันที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้บริโภค ขณะที่ภาครัฐมีหน้าที่กำหนดกฎเกณฑ์ที่เป็นธรรมให้ผู้เล่นในตลาดสามารถดำเนินการได้อย่างมั่นคง”
Stablecoin กับบทบาทในเศรษฐกิจโลก
วอลเลอร์ยอมรับว่า Stablecoin ในปัจจุบันมีการใช้งานที่สำคัญ เช่น
- เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในตลาดคริปโต
- เป็นช่องทางเข้าถึงดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง
- ใช้สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน
- ใช้ในการชำระเงินค้าปลีก แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดอยู่
“ตอนนี้ผมเห็นผู้เล่นหน้าใหม่จากภาคเอกชนจำนวนมากพยายามหาทางสนับสนุนการใช้ Stablecoin สำหรับการชำระเงินค้าปลีก” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่ายังมีอุปสรรคหลายประการ เช่น
- ขาดกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนในสหรัฐฯ
- ความซับซ้อนของกฎระเบียบที่แตกต่างกันระหว่างรัฐและระดับนานาชาติ
- ความจำเป็นในการหาสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยและการไม่ขัดขวางนวัตกรรม
- ความเสี่ยงจากการ “ดีเพ็ก” (depeg) หรือการสูญเสียการตรึงมูลค่า
Stablecoin: ดอลลาร์สังเคราะห์ที่มีศักยภาพพลิกโฉมการชำระเงิน
ก่อนหน้านี้ ในการประชุมที่ Atlantic Council เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ วอลเลอร์ได้กล่าวว่า Stablecoin เป็นเหมือน “ดอลลาร์สังเคราะห์” ที่คล้ายกับเงินฝากธนาคารพาณิชย์และสามารถเปิดโอกาสให้เกิดแนวทางการชำระเงินแบบใหม่
“หาก Stablecoin สามารถเพิ่มการแข่งขัน ขยายระบบการชำระเงิน ลดต้นทุน และทำให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้นและถูกลง ผมก็สนับสนุนเต็มที่” เขากล่าว
ท้ายที่สุด วอลเลอร์สรุปว่า อนาคตของตลาด Stablecoin จะขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่แท้จริงต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวม
“ภาคเอกชนต้องพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของตลาดและมีโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ขณะที่ภาครัฐต้องกำหนดกรอบกฎหมายและกฎระเบียบที่ชัดเจน พร้อมประสานงานกันทั้งในระดับรัฐและระดับนานาชาติเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมภาคเอกชนในระดับโลก”
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ reuters.com