Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้งร่วมของ Ethereum เรียกร้องให้ผู้พัฒนากระเป๋าสตางค์ Web3 นำคุณลักษณะต่างๆ มาใช้เพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในโพสต์บล็อกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม
“[ผู้ใช้] จะได้รับประโยชน์จากการกระจายอำนาจ , การต้านทานการเซ็นเซอร์ , ความปลอดภัย , ความเป็นส่วนตัว หรือคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ Ethereum และแอปพลิเคชันของมันเสนอให้ ตราบใดที่กระเป๋าสตางค์เองก็มีคุณสมบัติเหล่านี้เช่นกัน” Buterin กล่าวในโพสต์บล็อก
นอกจากนี้เขายังเสนอวิธีการผ่อนปรนการโอนระหว่างเครือข่ายการปรับขนาดเลเยอร์ 2 (L2) ของ Ethereum เช่น Optimism และ Arbitrum
Ethereum เป็นโฮสต์ของเครือข่ายการปรับขนาด L2 หลายสิบเครือข่าย ซึ่งมีมูลค่ารวมที่ถูกล็อก (TVL) มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก L2Beat
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ดีขึ้น
“นักพัฒนา Web3 จะต้องรวมคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวไว้ในกระเป๋าเงินแทนที่จะปล่อยให้ความเป็นส่วนตัวอยู่กับกระเป๋าเงินเฉพาะเพียงไม่กี่ใบ” Buterin กล่าว
“จนถึงขณะนี้ การโอนเงินแบบส่วนตัวบน Ethereum จำเป็นต้องให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดและใช้ ‘กระเป๋าเงินส่วนตัว’ อย่างชัดเจน”
“การดำเนินการดังกล่าวจะเพิ่มความไม่สะดวกและลดจำนวนผู้ที่ต้องการโอนเงินแบบส่วนตัว ซึ่งวิธีแก้ปัญหาคือต้องรวมการโอนเงินแบบส่วนตัวเข้ากับกระเป๋าสตางค์โดยตรง”
วิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้ คือการให้กระเป๋าเงิน “จัดเก็บสินทรัพย์บางส่วนของผู้ใช้เป็น ‘private balance’ ใน privacy pool” ซึ่งกระเป๋าเงินจะใช้ในการโอนเงิน
นอกจากนี้ Buterin ยังแนะนำให้บูรณาการ multisignature authorization — ซึ่งผู้ลงนามหลายรายจะต้องอนุญาตธุรกรรม — ลงในกระเป๋าเงิน Web3 ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
Buterin ยังเรียกร้องให้ผู้พัฒนากระเป๋าสตางค์ Web3 เพิ่มฟีเจอร์เพื่อทำให้การโอนข้อมูลระหว่างเครือข่าย L2 ง่ายขึ้น รวมถึงการส่งโทเค็นโดยตรงไปยังกระเป๋าสตางค์ของผู้ใช้บน L2 อื่น
ตั้งแต่เดือนกันยายน Buterin พยายามกดดันให้ผู้พัฒนา Web3 เร่งดำเนินการกระจายอำนาจเลเยอร์ 2 โดยระบุว่าเขาตั้งใจจะยอมรับโซลูชันการปรับขนาดใน “stage 1” ของ decentralization scale
Buterin กล่าวว่าเขาถือเรื่องนี้ “เป็นเรื่องจริงจัง” และในปี 2025 เขาตั้งใจจะพูดถึงเฉพาะเครือข่ายเลเยอร์ 2 ที่มีโครงการป้องกันการฉ้อโกงหรือป้องกันความถูกต้องเท่านั้น
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ abmedia.io