ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากนักลงทุนรายย่อยไปเป็นระดับสถาบัน เนื่องจากประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีทางการเงินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามที่ CEO ของ Binance ประเทศไทยกล่าว
การเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ถือเป็น “ก้าวสำคัญในการเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัลของประเทศไทย” นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance Thailand เขียนในบทความของ Bangkok Post เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. หน่วยงานกำกับดูแลของไทยได้เสนอกฎเกณฑ์ที่จะอนุญาตให้กองทุนรวมและกองทุนเอกชนระดับสถาบันสามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์สกุลเงินดิจิทัล เช่น กองทุน ETF ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา
“การที่ ก.ล.ต. อนุญาตให้กองทุนสถาบันต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น จะทำให้สามารถวางกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายและช่วยให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับในกระแสหลักมากขึ้น” นายนิรันดร์ กล่าว
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ “ไม่ใช่แค่การทำให้ Bitcoin ถูกกฎหมายเท่านั้น” แต่เป็นการสร้าง “ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” ที่การเงินแบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถอยู่ร่วมกันได้
เขากล่าวเสริมอีกว่า สิ่งนี้อาจช่วยปูทางให้สถาบันการเงินของไทยขยายพอร์ตโฟลิโอและเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ “ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลระดับภูมิภาค”
นอกจากนี้ การสร้างโทเค็นสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง (RWA) ยังกลายเป็นกระแสหลักในประเทศไทยอีกด้วย โดยธนาคารกำลังสำรวจการแปลงสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ และหุ้น ให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ซื้อขายได้ผ่านบล็อคเชน ซึ่งภาคการสร้างโทเค็น RWA อาจเติบโตได้ถึง 50 เท่าภายในปี 2030 ตามการวิจัยของ Tren Finance
เขาสรุปว่า “การปรับปรุงกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวหน้าต่อไปในฐานะศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมอบระบบนิเวศที่ปลอดภัยสำหรับผู้มีส่วนร่วมทุกคน”
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ gadgets360.com