ในขณะที่กระแสเรื่องการสร้าง Layer 2 ใหม่ของ Uniswap กำลังเกิดขึ้น พวกมิจฉาชีพก็ได้ตัดสินใจใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อโปรโมตเว็บไซต์ปลอมบน Google
เว็บไซต์ดังกล่าวซึ่งเดิมอยู่ที่ unlchalindefi[.]com อ้างว่า เป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับเครือข่าย Unichain ของ Uniswap แต่ในความเป็นจริงแล้ว เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บปลอม นอกจากนี้ยังอาจขโมยสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดของผู้ใช้และโอนให้กับนักพัฒนาเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ Uniswap เลย ตามคำเตือนที่ปรากฏอยู่ในกระเป๋าสตางค์ Web3 ชื่อ MetaMask
ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวถูกปิดลงแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ให้บริการโฮสติ้งอาจค้นพบกลลวงนี้และตัดสินใจหยุดให้บริการ อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่ใช้ในการหลอกลวงนี้แสดงให้เห็นถึงกับดักทั่วไปที่ผู้ใช้ Web3 จะต้องหลีกเลี่ยงและระมัดระวังเพื่อรักษาเงินทุนของตนเอาไว้
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม Uniswap Labs ผู้พัฒนา Uniswap ประกาศว่าได้เปิดตัวเครือข่ายทดสอบสำหรับ Ethereum เลเยอร์ 2 ที่เรียกว่า “Unichain” โดยการทำธุรกรรมจะ “รู้สึก” ว่าได้รับการประมวลผลภายใน 250 มิลลิวินาที ตามการประกาศดังกล่าว นอกจากนี้ ยังจะช่วย “multichain swapping ได้อย่างราบรื่น” ช่วยให้ผู้ซื้อขายเข้าถึงสภาพคล่องที่มากขึ้นและหลีกเลี่ยง slippage
ประกาศดังกล่าวซึ่งเผยแพร่บนบล็อกอย่างเป็นทางการของทีมที่ Uniswap.org ระบุว่า เมนเน็ตสำหรับ Unichain กำลังจะมาถึง “ในช่วงปลายปีนี้” โดยมีเพียงเทสต์เน็ตเท่านั้นที่เปิดตัวในทันที
ในวันที่มีการประกาศ Uniswap Labs ยังได้เปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการสำหรับเครือข่ายใหม่อย่าง Unichain.org อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันต่อมา เว็บไซต์นี้ไม่สามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของผลการค้นหาของ Google สำหรับคำว่า “Unichain” ได้
ทำให้พวกมิจฉาชีพตระหนักได้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดี พวกเขาจึงสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ซึ่งมีลักษณะเหมือนเว็บไซต์จริงทุกประการ ยกเว้นว่าเว็บไซต์นั้นมีปุ่ม “connect” แทนที่ปุ่ม “get started” และปุ่ม “bridge” แทนที่ปุ่ม “read the docs”
จากนั้นมิจฉาชีพก็ซื้อโฆษณาจาก Google ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถวางเว็บไซต์ไว้ที่ด้านบนของผลการค้นหาของ Google แม้ว่าจะมีข้อจำกัดความรับผิดชอบว่า การวางเว็บไซต์นั้นเป็น “การโฆษณาโดยสปอนเซอร์” แต่โฆษณาดังกล่าวแสดง URL ของเว็บไซต์ Unichain จริง แต่จะเปลี่ยนเส้นทางผู้ใช้ไปยัง URL ของเว็บไซต์ปลอมหากพวกเขาคลิกที่ URL นั้น แต่ต่อมา Google ก็ได้ลบโฆษณานี้ออกไป
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ forbes.com