Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้งร่วมของ Ethereum ได้โพสต์ความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับสถานะของโปรโตคอลและวิวัฒนาการที่อาจเกิดขึ้นหลัง the Merge ผ่านพ้นไปแล้ว
ในบล็อกโพสต์เมื่อวันที่ 14 ต.ค. Buterin ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญหลายประการที่ Ethereum สามารถพัฒนาได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงความเร็วในการทำธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น , ความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุง , และการเข้าถึงที่มากขึ้นสำหรับ solo staker
Ethereum Merge ในปี 2022 ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านของโปรโตคอลจาก Proof-of-Work ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) ซึ่ง Buterin เรียกเหตุการณ์นี้ว่า “ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก” และ “รอคอยมานาน” แต่มองว่ายังมีพื้นที่สำคัญอีกมากที่ PoS ต้องได้รับการปรับปรุง และหนึ่งในเป้าหมายหลักในอนาคตของ Ethereum คือการลดเวลาที่ใช้ในการทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้น
ปัจจุบันเวลาที่ใช้ในการทำธุรกรรมอาจใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งถือเป็นความล่าช้าที่น่าหงุดหงิด เนื่องจาก Ethereum เป็นเครือข่ายบล็อคเชนที่มีปริมาณการใช้งานสูงที่สุด ทำให้ความล่าช้าอาจนำไปสู่ความแออัดได้
Buterin แนะนำให้ลองใช้โซลูชันเช่น Single-Slot Finality ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการทำธุรกรรมได้อย่างมาก ซึ่งจะทำให้ Ethereum สามารถแข่งขันได้และปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานโดยรวมของผู้ใช้ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเสนอ Single-Slot Finality มาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม
Buterin ยังได้หารือถึงการทำให้ Ethereum เข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น ซึ่งข้อกำหนดการ staking ปัจจุบันคือ 32 Ether อาจเป็นอุปสรรคสำหรับคนจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมเครือข่าย โดย Buterin เสนอให้ลดจำนวนขั้นต่ำลงเหลือ 1 ETH เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถมีส่วนสนับสนุนด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแลของ Ethereum ได้
นอกจากนี้ยังช่วยให้ Ethereum กระจายอำนาจมากขึ้น และลดความเสี่ยงที่หน่วยงานเดียวจะมีอำนาจควบคุมมากเกินไป
นอกจากนี้ Buterin ได้เสนอแนะให้สำรวจวิธีการปรับปรุงความต้านทานของโปรโตคอลต่อภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความท้าทายที่สำคัญในอนาคต และเพิ่มเกณฑ์ quorum และการกู้คืนจากการโจมตี 51%
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ vulcanpost.com