Bitcoin ร่วงลง 6.5% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงต่อเนื่องเมื่อวันที่ 3 กันยายน โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.3% ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 1.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยนักลงทุนบางรายมองว่าปัจจัยที่ลดลงนี้มาจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า ตลาดร่วงลงในวันอังคารที่ 3 กันยายนเช่นกัน เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการของรัฐบาลซึ่งมีประธานคือ นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น คาซูโอะ อุเอดะ อธิบายถึงการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางในเดือนกรกฎาคม และย้ำว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหากเศรษฐกิจและราคาเป็นไปตามที่คาด
เงินเยนมีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหลังจากความคิดเห็นดังกล่าว โดยคู่ USD/JPY แตะที่ 145.1 ในช่วงเวลาสั้นๆ จากจุดสูงสุดที่ 147.2 ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 2 กันยายน ส่วน Bitcoin มูลค่าสูญเสียไป 1,700 ดอลลาร์ภายในสองชั่วโมงหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีท จนแตะระดับต่ำสุดในรอบวันอยู่ที่ 57,556 ดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก TradingView
Bitcoin ยังคงไม่สามารถกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนได้นับตั้งแต่ร่วงลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 73,835 ดอลลาร์เนื่องจากความต้องการของรายย่อยยังคงลดลง
Lark Davis ยูทูบเบอร์ชื่อดังด้านคริปโต เขียนในโพสต์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมว่า “ความต้องการ BTC ในหมู่นักลงทุนรายย่อยแทบจะหมดลงแล้ว” โดยอ้างอิงจากการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยรายเดือนของความต้องการ Bitcoin โดยพบว่าความสนใจใน Bitcoin ในหมู่นักลงทุนรายย่อยยังคงอยู่ในระดับต่ำตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024
“ทุกคนต่างต้องการซื้อ Bitcoin ในราคา 73,000 ดอลลาร์ แต่ไม่มีใครอยากซื้อในราคา 59,000 ดอลลาร์” ที่มา: Lark Davis
ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันโดยข้อมูลจาก GoogleTrends เช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสนใจในการค้นหาคำว่า “Bitcoin” บน Google ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือนในเดือนสิงหาคม
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ linkedin.com