HashKey Capital เพิ่งประกาศความร่วมมือกับ Aethir และ CARV ในฐานะเจ้าภาพร่วมสำหรับงาน Decode: Legacy ที่ทุกคนรอคอยที่ Token2049 สิงคโปร์ ในวันที่ 17 กันยายน 2024 โดยจะมอบประสบการณ์การชมละครแบบดื่มด่ำที่ล้ำสมัยที่จะแปลงโฉมโรงแรม Raffles Hotel อันโด่งดังให้กลายเป็นเวทีที่เผยความลึกลับของโลกคริปโตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
Decode: Legacy ไม่ใช่แค่เพียงงานคริปโตทั่วไป แต่เป็นงานโรงละครครั้งแรกที่ผสมผสานความตื่นเต้นของการแสดงละครสดเข้ากับประวัติศาสตร์อันเปลี่ยนแปลงไปของวงการคริปโต Decode: Legacy ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ชื่นชอบคริปโตและผู้ชื่นชอบละคร โดยสัญญาว่าจะดึงดูดผู้ชมด้วยหนังระทึกขวัญลึกลับที่เปิดเผยประวัติศาสตร์คริปโต 16 ปี ตั้งแต่การก่อตั้ง Bitcoin จนถึงการมาของ ETF
ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบปะกับตัวละคร Web3 ชื่อดัง , ไขปริศนาและเปิดเผยความลับต่างๆ , และดื่มด่ำไปกับความยิ่งใหญ่อลังการของ Raffles Hotel โดย HashKey Capital ได้เปิดเผยตัวอย่างคอนเซ็ปต์นี้เพื่อให้แขกได้สัมผัสประสบการณ์งานสุดล้ำสมัยนี้ที่นี่
Aethir จะจัดแสดงเทคโนโลยี GPU-as-a-Service ที่เน้น AI แบบกระจายอำนาจอันล้ำสมัยผ่านประสบการณ์แบบโต้ตอบ โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลบนคลาวด์ของ Aethir ที่จะปฏิวัติ AI , เกม , และการประมวลผลแบบเสมือนจริงอย่างไร
“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ HashKey และ CARV เพื่อสร้างงานที่โดดเด่นในงาน Token2049 สิงคโปร์ มรดกของสกุลเงินดิจิทัลมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับรากฐานการกระจายอำนาจ ซึ่งสะท้อนถึงแรงผลักดันร่วมกันในการปรับสมดุลของอำนาจในโลกดิจิทัล Decode: Legacy จะเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีแบบกระจายอำนาจ เช่น เครือข่ายคอมพิวเตอร์บนคลาวด์ของ Aethir เป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมในด้าน AI, DePin และการเล่นเกมบนคลาวด์ได้อย่างไร” Mark Rydon ผู้ก่อตั้งร่วมและ CSO ของ Aethir กล่าว
CARV จะเป็นผู้นำในการกำหนดนิยามความเป็นเจ้าของข้อมูลใหม่ในภาคส่วนเกมและ AI ผ่านความท้าทายที่อิงตามบล็อคเชนที่ Decode: Legacy ซึ่ง CARV จะสาธิตการใช้งานเทคโนโลยีในโลกแห่งความเป็นจริง โดยให้บุคคลต่างๆ สามารถควบคุม ตรวจสอบ และสร้างรายได้จากข้อมูลของตนได้
“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ HashKey และ Aethir เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพงาน Decode: Legacy ที่ Token2049 สิงคโปร์ ในฐานะผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม CARV มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศักยภาพของผู้คนผ่านการเป็นเจ้าของข้อมูลในภาคส่วนเกมและ AI ด้วยการผสานเทคโนโลยีบล็อคเชนอันล้ำสมัยของเราเข้ากับประสบการณ์ที่ดื่มด่ำนี้ เราไม่ได้แค่จัดแสดงนวัตกรรมเท่านั้น แต่เรากำลังกำหนดนิยามใหม่ว่าข้อมูลสามารถควบคุม ตรวจสอบ และสร้างรายได้แบบเรียลไทม์ได้อย่างไร Decode: Legacy เป็นโอกาสพิเศษในการนำแนวคิดปฏิวัติวงการเหล่านี้มาสู่ชีวิตในแบบที่น่าสนใจและน่าจดจำ” Victor Yu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ CARV กล่าว
งานที่พิเศษและเฉพาะผู้ได้รับเชิญนี้จะรวบรวมคนหัวกะทิและผู้มีอิทธิพลสูงสุดในวงการ Web3 ไว้ด้วยกัน โดยมอบโอกาสในการสร้างเครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบได้พร้อมประสบการณ์การชมละครที่น่าประทับใจ โดยมีการรายงานจากสื่อชั้นนำ เช่น CoinTelegraph, PANews, BlockBeats และอื่นๆ ซึ่ง Decode: Legacy จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในงาน Token2049
ในขณะที่พื้นที่ Web3 ยังคงพัฒนาต่อไป เรื่องราวใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นทุกปี HashKey Capital วางแผนที่จะนำการแสดงอันบุกเบิกนี้ไปแสดงที่งานเกี่ยวกับคริปโตทั่วโลก และให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นได้ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาสำคัญของคริปโตผ่านเรื่องราวสร้างสรรค์ที่จะพาพวกเขาไปสู่อีกโลกหนึ่ง
เกี่ยวกับ HashKey Capital
HashKey Capital เป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อคเชนระดับโลกที่ช่วยเหลือสถาบัน ผู้ก่อตั้ง และผู้มีความสามารถในการพัฒนาอุตสาหกรรมบล็อคเชน
HashKey Capital เป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดและเป็นนักลงทุนองค์กรรายแรกๆ ใน Ethereum โดยได้บริหารสินทรัพย์ของลูกค้ามูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ก่อตั้ง โดยใช้ความเชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ ทีมการลงทุนร่วมทุนของ HashKey Capital ดูแลพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายของโครงการบุกเบิกกว่า 600 โครงการในด้านบริการสถาบัน โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล AI บริการ/เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภค และอื่นๆ อีกมากมาย
ด้วยความรู้เชิงลึกของเราเกี่ยวกับระบบนิเวศบล็อคเชน HashKey Capital ได้สร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่เชื่อมโยงผู้ก่อตั้ง นักลงทุน นักพัฒนา และหน่วยงานกำกับดูแล
เกี่ยวกับ Aethir
Aethir คือผู้ให้บริการ GPU-as-a-Service ระดับองค์กรที่เน้นด้าน AI ชั้นนำในตลาด Aethir ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 และใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลบนคลาวด์แบบกระจายสูงเพื่อให้ผู้ให้บริการ GPU สามารถให้บริการลูกค้าด้าน AI และเกมในระดับขนาดใหญ่ได้ Aethir ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเงินทุนเสี่ยงชั้นนำ เช่น Sanctor Capital, Hashkey, Merit Circle, CitizenX และ Animoca Brands โดยมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนลูกค้าด้าน AI ขององค์กรที่ต้องการชิป AI ที่ทรงพลังที่สุดในโลก รวมถึงผู้เล่นเกมบนคลาวด์หลายแสนคนที่ต้องการประสบการณ์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้ด้วยสถาปัตยกรรมแบบกระจายอำนาจ ซึ่งนำคลาวด์ GPU ไปสู่ชุมชนและทำให้การประมวลผลสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
