ในช่วงตลาดหมีราคาเหรียญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญใหญ่อย่าง Bitcoin, Ethereum หรือเหรียญ Altcoin ต่างๆ ราคาปรับลงอย่างหนักจากปัจจัยลบมากมายทั้งภายในและภายนอก โดยถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดปรับตัวเริ่มดูดีขึ้น หนึ่งสิ่งที่เราสังเกตได้คือ เหรียญไม่ได้ขึ้นหมดทุกตัว ซึ่งถ้าไม่นับเหรียญใหญ่ตัวหลักๆอย่าง Bitcoin, Ethereum หรือเหรียญที่ปรับตัวขึ้นตาม Narrative แล้ว เราจะเห็นว่าอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนทำให้เหรียญขึ้นหรือทำให้ราคาค่อนข้างเสถียรได้คือ Tokenomics ที่ดี
ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักความสำคัญของ Tokenomics กันในเบื้องต้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่มีส่วนช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของเหรียญที่เราจะเลือกลงทุนได้ในทุกสภาวะตลาด โดยหนึ่งใน Tool ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากคือ TokenUnlocks ที่มีข้อมูลสำคัญอย่าง Supply ของเหรียญ, กำหนดการปลดเหรียญ, การกระจายตัวของเหรียญ เป็นต้น ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักฟีเจอร์ต่างๆของ TokenUnlocks เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการลงทุนดูว่าเหรียญไหนควรถือสั้น เหรียญไหนถือยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Tokenomics คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร
Tokenomics มีที่มาจากคำว่า Token + Economics ซึ่งก็หมายถึงเศรษฐศาสตร์ของเหรียญที่เป็นปัจจัยต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเหรียญ อย่างเช่น การกระจายเหรียญ (Distribution), การปลดเหรียญ (Vesting schedule), ประโยชน์ของเหรียญ (Use case), ระบบ Incentive, ระบบกำหนด Supply และ Demand ของเหรียญ, ระบบการสร้างเหรียญ (Token issuance) เป็นต้น
โดย Tokenomics เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการตัดสินใจการลงทุน เพราะถ้าโปรเจกต์ไหนที่สามารถออกแบบ Tokenomics ที่ดีและทำให้นักลงทุนมีความต้องการที่จะถือเหรียญในระยะยาวซึ่งลดแรงเทขาย ก็ย่อมมีแต้มต่อมากกว่าโปรเจกต์อื่นที่ไม่ได้สร้าง Tokenomics ออกมาให้ดีที่จะสร้างแรงจูงใจให้เกิด Demand ในการถือเหรียญได้นั่นเอง
ในบทความนี้เราจะโฟกัสไปที่การดู Tokenomics ในฝั่งของ Supply เป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย Vesting Schedule, Token Allocation, Emission Rate ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญเพราะว่าจะเป็นการบอกเราได้ว่าเหรียญนั้นๆมีความเสี่ยงที่จะถูก Team หรือ Investor เทขายเหรียญเมื่อไหร่ และจำนวนเท่าไหร่บ้าง เป็นการลดความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาและเลี่ยงการเป็น Exit Liquidity ได้นั่นเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดจะดูได้จากแพลตฟอร์ม TokenUnlocks
Token Unlocks คืออะไร
ขอบคุณภาพจาก TokenUnlocks
TokenUnlocks เป็นแพลตฟอร์ม Global โดยทีมงานคนไทย สำหรับวิเคราะห์เหรียญที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนที่ลงทุนในคริปโตฯ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนขนาดใหญ่ รวมถึงสถาบันต่างๆ โดยเน้นให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ Supply ของเหรียญทั้งหมด เช่น การปลดเหรียญ (Vesting schedule), การกระจายเหรียญ (Distribution) และอื่น ๆ โดยจุดเด่นคือเน้นการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนให้นักลงทุนสามารถเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว
อีกจุดเด่นของ TokenUnlocks คือใช้งานง่ายมาก โดยมี User Interface ที่ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย และช่วยประหยัดเวลาในการลงทุนให้เราได้ โดยไม่ต้องไปขุดคุ้ยหาเองจาก On-chain หรือจาก Whitepaper ซึ่งฟีเจอร์เด่นของ TokenUnlocks ที่เราเห็นคนนำมาอ้างอิงถึงกันบ่อยๆ เช่น
Upcoming Unlocks
Upcoming Unlocks ใน Dashboard หน้าแรกของแแพลตฟอร์ม TokenUnlocks
ในหน้าแรกของ TokenUnlocks เราสามารถเข้ามาดูภาพรวมของแต่ละโปรเจกต์ได้ว่า มีโปรเจกต์ไหนบ้างที่กำลังจะปลดล็อกในอนาคตอันใกล้ สามารถเน้นจำนวนและเปอร์เซ็นต์ของเหรียญที่ปลดล็อกเมื่อเทียบกับอุปทานหมุนเวียนได้ (Circulating Supply)
ถึงแม้ว่าการปลดล็อคเหรียญจะไม่ได้ทำให้ราคาลงเสมอไป แต่ข่าวการปลดล็อกเหรียญก็อาจจะเพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนกังวลและเทขายได้ ดังนั้นมักจะเป็นจุดที่นักลงทุนควรลงทุนด้วยความระมัดระวังมากขึ้นเพราะอาจจะมีแรงเทขายที่เพิ่มเข้ามา
นอกจากนี้ อีกปัจจัยสำคัญที่อาจใช้พิจารณาแรงเทขายคือว่าเหรียญที่กำลังจะถูกปลดนั้นเป็นเหรียญของใคร ยกตัวอย่างเช่น การปลดล็อกจาก Foundation หรือ Ecosysmtem อาจจะไม่เกิดแรงเทการขายในทันทีเท่ากับการปลดล็อกของทีมหรือ Private Investor นั่นเอง
ในพาร์ทถัดไป เราจะไปดูการใช้ Vesting Schedule ในการช่วยให้เราแยกแยะประเภทของการปลดล็อกในรูปแบบต่างๆ
Vesting Schedule
Vesting Schedule บน TokenUnlocks
Vesting Schedule คือกำหนดการปลดเหรียญของโปรเจกต์ ซึ่งในส่วนนี้จะระบุวันที่ที่จะปลดเหรียญ, ปริมาณเหรียญที่จะปลดในแต่ละช่วงเวลา รวมถึง Allocation ของเหรียญที่ปลดว่าจะไปเข้าที่ภาคส่วนใดบ้าง
Vesting Schedule สำคัญเพราะว่าส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่ม Supply ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อและเสถียรภาพของราคา กล่าวคือการออกแบบ Vesting Schedule ที่ดีจะช่วยลดแรงขายเหรียญ รวมถึงส่งเสริมการเติบโตและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อโปรเจกต์ได้
นอกจากนี้ จาก Vesting Schedule เรายังสามารถดูการ Cliff ได้ โดย Cliff ก็คือ ระยะเวลาที่ต้องรอก่อนที่เหรียญนั้นจะสามารถถูกโอนหรือขายได้ ยกตัวอย่างกรณีของเหรียญ ENA ตามภาพด้านบน จะเห็นว่า Core Contributor และ Investor มี Cliff 12 เดือน หมายถึงว่าหลังจากเหรียญ ENA เปิดตัวไปในช่วง เดือนมีนาคม 2024 Core Contributor และ Investor จะได้รับเหรียญในช่วงเดือนเมษยน 2025 ในระหว่างนี้จึงหมายถึงว่าจะยังไม่มีแรงเทขายจากกลุ่มดังกล่าว
โดยถ้าเป็น TokenUnlocks Pro เราจะสามารถดู Vesting Schedule ได้แบบละเอียดมากขึ้นกว่าแบบฟรี เช่นฟังก์ชั่นดังนี้
Vesting Schedule แบบ Bar Chart
- การดู Unlocks แบบง่าย: แสดง Supply ที่ถูกปลดล็อกในช่วงเวลาที่เลือกโดยใช้ Bar Chart ที่แสดงด้วยสีต่างๆ ซึ่งช่วยให้สามารถระบุเหตุการณ์การปลดล็อกที่สำคัญได้อย่างรวดเร็ว
การแสดงกราฟราคาซ้อนบนกราฟ Vesting Schedule
- ฟังก์ชั่น Price Analysis: เทียบข้อมูลราคาเหรียญในอดีตบนกราฟ Vesting Schedule เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาและเหตุการณ์การปลดล็อกได้
การ Track เหรียญหลังจากถูกปลดล็อค
- ติดตามความเคลื่อนไหวของเหรียญหลังการปลดล็อค: ติดตามการเคลื่อนไหวแบบ On-chain ของเหรียญที่ถูกปลดล็อกเข้าสู่ Circulating Supply เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของผลกระทบจากเหตุการณ์การปลดล็อก เช่น เหรียญถูกโอนเข้า Adress ไหนบ้าง
- Countdown การปลดล็อคสำคัญ: มีการนับถอยหลังสำหรับเหตุการณ์การปลดล็อกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงย้อนดูการปลดล็อคสำคัญในอดีตก็ได้เช่นกัน
Token Allocation
Token Allocation* คือการกระจายสัดส่วนของเหรียญไปยังกลุ่มผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ มีความสำคัญเพราะว่าถ้ามีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถือเหรียญในสัดส่วนที่มากเกินไป ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงทำให้เกิดความ
ผันผวนของราคาได้มากขึ้นนั่นเอง
*เพื่อความถูกต้องและโปร่งใสของข้อมูลอย่างสูงสุด ทาง TokenUnlocks ใช้หลักการที่เรียกว่า “Precision & Assumption” ในการสร้าง Standard ในการรวบรวมข้อมูลจากหลายๆแหล่ง ที่ทำให้ถึงแม้ว่าในบางกรณีบางโปรเจกต์จะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Vesting Schedule ที่คลาดเคลื่อนกันไปบ้างในแต่ละแหล่ง ด้วยหลักการดังกล่าวทำให้เพิ่มความแม่นยำ ลดความคลุมเครือ และเพิ่มความโปร่งใสให้มากที่สุด
ยกตัวอย่างกรณีของ ENA ตามภาพด้านบนในภาพจะแสดงให้เห็น Token Allocation ดังนี้
- Investor 25%
- Foundation 15%
- Ecosystem 30%
- Core Contributor 30%
การเปรียบเทียบ Allocation ของเหรียญต่างๆหลายๆเหรียญ
โดยฟีเจอร์บน TokenUnlocks ยังทำให้เราสามารถเปรียบเทียบ Token Allocation ของโปรเจกต์ต่างๆได้ทีละโปรเจกต์ แต่ถ้าเป็นฟีเจอร์ของ TokenUnlocks Pro เราจะสามารถเทียบกันได้มากกว่า 2 โปรเจกต์ออกมาให้ดูแบบเข้าใจง่ายๆ
Emission Rate
Emission Rate คืออัตราการปล่อยเหรียญใหม่เข้าสู่ Circulating Supply เทียบเท่ากับอัตราการเฟ้อ ของเหรียญ ถ้ามี Emission Rate สูง หมายความว่าจะมีเหรียญใหม่เข้ามาในตลาดเยอะ ถ้า Emission Rate ต่ำ หมายความว่าจะมีเหรียญใหม่เข้ามาในตลาดน้อย หรืออาจจะติดลบเลยก็ได้ถ้าหากมีการ Burn เหรียญหรือ มีระบบ Deflation ในแบบต่างๆ
ซึ่งจำนวน Supply มักจะส่งผลต่อราคาเหรียญ โดยถ้าหากเหรียญมี Supply ที่มากกว่า Demand ก็มีโอกาสสูงที่ราคาจะลดลง ในทางตรงข้ามถ้าหาก Supply น้อยกว่า Demand ก็จะทำให้เกิด Supply Shortage และสามารถผลักดันราคาเหรียญให้สูงขึ้นได้
TokenUnlocks จะให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับการปลดเหรียญทั้งในอดีตและอนาคต ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- ข้อมูลการปลดเหรียญในอดีต: มีฟังก์ชั่นการวิเคราะห์การปลดเหรียญโดยละเอียดนับตั้งแต่ Token Generation Event (TGE) จนถึงปัจจุบัน เพื่อนำมาคำนวณหาอัตราการเฟ้อของเหรียญ
- การคาดการณ์การปลดเหรียญในอนาคต: มีฟังก์ชั่นที่สามารถคาดการณ์อัตรา Inflation หรือ Deflation ของเหรียญในช่วงเวลาที่กำหนดในอนาคตได้ โดยถ้าเป็น Pro จะทำได้สูงสุดที่ 1 เดือน, 6 เดือน, และ 1 ปี
Emission Rate ของเหรียญ ENA
ยกตัวอย่างเหรียญ ENA จากภาพด้านบน จะเห็นว่าเหรียญ ENA มี Emission Rate ที่ 0.82% ของ Circulating Supply ในช่วง 7 วันข้างหน้า
Unlocks AI
ขอบคุณภาพจาก TokenUnlocks
เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ยังอยู่ในช่วง Beta สำหรับ TokenUnlocks Pro ซึ่งระบบ AI ถูกขับเคลื่อนด้วย GPT-4 ของ OpenAI ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถามคำถามที่ต้องการรู้เกี่ยวกับการปลดล็อคเหรียญได้อย่างสะดวกสบาย ตัวอย่างเช่น
ภาพคำตอบจาก UnlocksAI
- ถาม Unlocks AI เกี่ยวกับเหตุการณ์การปลดล็อกที่ต้องการรู้ เช่น “Arbitrum next unlock (การปลดล็อก Arbitrum ครั้งต่อไป)” หรือ “Give me a list of $ARB unlocks (ขอรายการการปลดล็อก $ARB)”
- การวิเคราะห์เปรียบเทียบการปลดล็อคของต่าง ๆ โดยสอบถาม Unlocks AI เช่น “Compare $ARB unlock with $OP (เปรียบเทียบการปลดล็อก $ARB กับ $OP)”
ตัวอย่างการวิเคราะห์โดยใช้ TokenUnlocks Pro
ความสัมพันธ์ของ Vesting Schedule กับราคา
กราฟเทียบ Vesting Schedule กับราคาเหรียญ ARB
จากภาพกราฟด้านบนที่แสดง Vesting Schedule ซ้อนกับกราฟของราคาเหรียญ ARB จะเห็นว่ามีเหตุการณ์การปลดเหรียญสำคัญให้กับ Team และ Investor ในเดือนมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่ม Supply จาก 1,500,000,000 ARB มาในระดับ 2,600,000,000 ARB หรือคิดเป็นการเพิ่มของ Supply มากกว่า 70% ซึ่งการปลดเหรียญดังกล่าวส่งผลให้ราคาเหรียญตกลงทันที โดยก่อนปลดเหรียญ ARB มีราคาประมาณ 2 ดอลลาร์ (Circulating Market Cap = 3B) โดยหลังปลดประมาณ 30 วันราคาเหรียญ ARB ตกลงมาเหลือประมาณ 1.15 ดอลลาร์ Circulating Market Cap = 2.99B) ในกรณีของเหรียญ ARB จะเห็นว่าหลังการปลดใหญ่ ราคาเหรียญจะปรับลงมาจนเหลือ Circulating Market Cap เท่ากับช่วงก่อนปลด
กราฟเทียบ Vesting Schedule กับราคาเหรียญ LDO
อย่างไรก็ตาม การปลดเหรียญในบางกรณีก็ไม่ได้ทำให้ราคาเหรียญตกเสมอไป ยกตัวอย่างของเหรียญ LDO ตามภาพด้านบนจะเห็นว่า เหรียญ LDO ปลดให้กับ Investor ครบในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 และหลังจากนั้น ราคาเหรียญก็ค่อยๆฟื้นขึ้นจากในช่วงก่อนปลดที่ประมาณ 1.6 ดอลลาร์ โดยปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.6 ดอลลาร์ ภายในเวลาราว 3 เดือน
การเปรียบเทียบ Allocation ระหว่างเหรียญต่างๆ ใน Sector เดียวกัน
เปรียบเทียบ Allocation ของเหรียญ ZK, STRK, OP, ARB
จากการเปรียบเทียบ Allocation ของเหรียญกลุ่ม Layer 2 อย่าง ZK, STRK, OP และ ARB เราจะสามารถสรุปได้เบื้องต้นดังนี้
- สัดส่วนสำหรับ Community ของเหรียญ ZK, STRK, OP, ARB อยู่ที่ 67%, 18%, 44%, 13% ตามลำดับ โดย ZK มีสัดส่วนสำหรับ Community สูงสุด
- สัดส่วนสำหรับ Private Investor ของเหรียญ ZK, STRK, OP, ARB อยู่ที่ 17%, 19%, 22%, 18% ตามลำดับ โดย OP มีสัดส่วนสำหรับ Private Investor สูงสุด
- สัดส่วนสำหรับ Team ของเหรียญ ZK, STRK, OP, ARB อยู่ที่ 16%, 31%, 19%, 27% ตามลำดับ โดย STRK มีสัดส่วนสำหรับ Team สูงสุด
ในภาพรวมเมื่อเทียบ Allocation ของทั้ง 4 เหรียญ จะเห็นว่าเบื้องต้นเหรียญ ZK มี Allocation ที่ออกแบบมาเพื่อ Community มากที่สุด โดยที่มีสัดส่วนให้กับ Team และ Private Investor ต่ำที่สุด ถึงแม้ Allocation ดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลต่อราคาโดยตรง แต่ว่าทำให้เราสามารถประเมินได้เบื้องต้นว่าเหรียญไปตกอยู่ที่กลุ่มใดบ้าง เพื่อที่จะนำไปประเมินโอกาสและความเสี่ยงในเบื้องต้นได้ เช่น ถ้ามี Private Investor บางรายมีประวัติชอบเทขายเหรียญหลังปลด แล้วเรารู้ว่า Private Investor รายนั้นจะได้รับเหรียญเร็วๆนี้ อาจพิจารณาขายเหรียญก่อนได้ เป็นต้น
สรุป
Tokenomics เป็นเรื่องสำคัญมากในการเลือกลงทุนในเหรียญคริปโตฯ เพราะมักจะมีผลต่อราคาของเหรียญไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ Supply ของเหรียญจากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Vesting Schedule, Token Allocation และ Emission Rate
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถเข้าไปดูได้ที่แพลตฟอร์ม TokenUnlocks ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายมากๆ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งหาอ่านจากแหล่งอื่นๆหรือจาก White Paper เอง แถมยังมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่เราได้จาก TokenUnlocks นั้นเป็นข้อมูลที่อัปเดทล่าสุดแน่นอน