นักลงทุนรายย่อยในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลจะพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งมีแนวโน้มที่จะรวมสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ในพอร์ตการลงทุนของตน
การสำรวจล่าสุดจากบริษัทกฎหมาย Barnes & Thornburg เผยให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วม 84% เชื่อว่าการลงทุนภาคเอกชนในสกุลเงินดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และมากกว่าครึ่ง (59%) กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะลงทุนในกองทุนสกุลเงินดิจิทัลมากกว่าเมื่อปีที่แล้ว
การสำรวจนี้ได้สัมภาษณ์หุ้นส่วนจำกัด , หุ้นส่วนทั่วไป , และผู้ให้บริการจำนวน 138 รายในบริษัททุนส่วนตัว , บริษัทเงินร่วมลงทุน, กองทุนป้องกันความเสี่ยง ,และธนาคารเพื่อการลงทุนที่ดำเนินกิจการอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา
“นั่นคือการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่าสถานการณ์ของตลาดสกุลเงินดิจิทัลในขณะนั้นส่งผลกระทบต่อองค์กรของพวกเขาในทางลบอย่างมีนัยสำคัญ” รายงานระบุ
นักลงทุนมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากสถาบันต่างๆ เริ่มหันมาใช้ผลิตภัณฑ์การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น กองทุน ETF , และตราสารอนุพันธ์ เหตุผลประการหนึ่งก็คือความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่เกิดจากการเปิดตัว ETF ที่ผูกกับสกุลเงินดิจิทัลในเดือนมกราคม และการฟื้นตัวของตลาดในเวลาต่อมา

ในบรรดานักลงทุน มี 26% ที่ระบุว่ามีแนวโน้มที่จะลงทุนในกองทุนคริปโตฯ น้อยลงในปีหน้า สาเหตุหลักๆ ได้แก่ ความผันผวนของตลาด (46%) , การฉ้อโกง (43%) , และการล่มสลายของแพลตฟอร์มคริปโตฯ (43%)
Scott Baels หุ้นส่วนและประธานร่วมฝ่ายจัดการกองทุนและสินทรัพย์ส่วนตัวของ Barnes & Thornburg กล่าวว่า “หลังจากผ่านไปหนึ่งปีครึ่งก่อนที่ FTX จะล่มสลาย เราก็ได้เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ การที่ SEC อนุมัติ Bitcoin ETF ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้ และอาจเพิ่มความเต็มใจของผู้จัดสรรในการลงทุนในกองทุนคริปโตส่วนตัวและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ไม่ได้รับการควบคุม”
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryptonomist.ch