นักวิเคราะห์เผย! ราคา Bitcoin เชื่อมโยงกับผลงานของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าเรื่องการเมือง

ราคา Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ อาจไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯ มากนัก แต่อาจเป็นเพราะตลาดคาดหวังว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงมากกว่า

จากการวิเคราะห์เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมโดย Copper ผู้ให้บริการด้านคริปโตเคอเรนซี พบว่าโอกาสที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สองในเดือนพฤศจิกายนนั้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคา BTC พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเกี่ยวพันกับ “การคาดการณ์ของตลาดที่ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตภายใต้การนำของพรรครีพับลิกันในทำเนียบขาว”

Bitcoin พุ่งขึ้นมากกว่า 6% ในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา โดยพุ่งจากประมาณ 63,500 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมไปเป็นประมาณ 67,000 ดอลลาร์ในขณะที่เขียนบทความนี้

รายงานระบุว่า พฤติกรรมของตลาด Bitcoin มักจะสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของสกุลเงินหลักอื่นๆ ซึ่งพุ่งสูงขึ้นเมื่อดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ลดลง โดยแนวโน้มนี้สังเกตได้ชัดเจนในปี 2017 และ 2021 เมื่อ BTC พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 10% โดยเฉลี่ยในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 1969 ซึ่งบ่งชี้ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 8% โดยเฉลี่ยในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 1969

ที่มา : Copper

“Bitcoin มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอของดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ รัฐบาลใดก็ตามที่สามารถสร้างการเติบโตได้ ก็มีแนวโน้มว่านักลงทุนจะหันกลับไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทที่มีความผันผวนมากขึ้น” Fadi Aboualfa หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Copper กล่าว

“หากตลาดยังคงคาดการณ์ว่าพรรครีพับลิกันจะชนะการเลือกตั้งในปีนี้ อาจมีการคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจอ่อนค่าลง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์กำลังซื้อขายอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2002”

ระหว่างปี 2013 ถึง 2016 ในช่วงที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ดำรงตำแหน่งในพรรคเดโมแครต ดัชนี DXY พุ่งขึ้น 25% ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจหลักอื่นๆ และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในที่สุด 

ในทางกลับกัน ระหว่างปี 2017 ถึง 2020 ภายใต้การบริหารของ โดนัลด์ ทรัมป์ ดัชนี DXY ลดลง 7% ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยช่วงนี้มีการลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงแรก แต่ยังทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย และความตึงเครียดด้านการค้าและภาษีศุลกากรที่บังคับใช้กับประเทศอื่นยังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนมากขึ้นด้วย

ตั้งแต่ปี 2021 ภายใต้การบริหารของไบเดน ค่า DXY เพิ่มขึ้น 14% โดยปัจจัยหลายอย่างรวมกัน เช่น การคาดการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้น , การดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย , และความไม่แน่นอนของโลก ล้วนมีส่วนทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ cryptobriefing.com

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป

FOLLOW ME

Blockchain Life 2024

Crypto Coffee

Cryptomind Research Talk

CryptOmakase

ข่าวต่อไป