สำนักงานสอบสวนอาชญากรรมทางการเงินของลิทัวเนีย (FNTT) กำหนดค่าปรับเป็นเงิน 9.29 ล้านยูโร (ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์) แก่บริษัทชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล Payeer ตามประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม โดยหน่วยงานของรัฐบาลอ้างว่า Payeer ละเมิดกฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงินและอนุญาตให้ลูกค้าโอนเงินไปยังธนาคารที่ถูกคว่ำบาตร
ตามประกาศดังกล่าว ระบุว่า ค่าปรับดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุดที่เคยมีการเรียกเก็บจากผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือนในประเทศ
Payeer คือบริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและการชำระเงินผ่านอีคอมเมิร์ซ ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ Payeer นั้นอนุญาตให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินยูโร , ดอลลาร์สหรัฐ , และรูเบิลรัสเซีย รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้ โดย Payeer ยังอนุญาตให้ถอนเงินผ่านบัตรเดบิตและให้บริการ API สำหรับร้านค้าในการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเป็นค่าชำระค่าสินค้าและบริการ
ตามการของ FNTT ระบุว่า หน่วยงานดังกล่าวเริ่มสอบสวน Payeer ในปี 2023 โดยพบว่าบริษัทเคยจดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตในเอสโตเนียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่ใบอนุญาตดังกล่าวถูกเพิกถอนเมื่อวันที่ 17 มกราคม จากนั้นบริษัทจึงดำเนินกิจการต่อโดยมีสำนักงานใหญ่ที่จดทะเบียนในลิทัวเนีย
หน่วยงานดังกล่าวอ้างว่า Payeer ไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้โอนเงินเป็นรูเบิลรัสเซียและผ่านธนาคารรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร
“’Payeer.com’ ลูกค้าโดยส่วนใหญ่มาจากรัสเซีย และอนุญาตให้ทำธุรกรรมได้ด้วยรูเบิลรัสเซีย โดยโอนเงินจากและไปยังธนาคารรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรจากสหภาพยุโรป”
FNTT อ้างว่าธุรกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น “มานานกว่า 1.5 ปีแล้ว” ในช่วงเวลาดังกล่าว Payeer “พบว่ามีลูกค้าอย่างน้อย 213,000 ราย และรายได้ของบริษัทมีมูลค่ามากกว่า 164 ล้านยูโร”
หน่วยงานได้พยายามติดต่อ Payeer เพื่อโน้มน้าวให้หยุดการเปิดให้ทำธุรกรรมที่ถูกคว่ำบาตร แต่ “กลับไม่ยอมให้ความร่วมมือและไม่ชี้แจงให้ชัดเจน”
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ anyexchange.best