ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่จุดสูงสุดในเดือนมีนาคม เนื่องมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้อุปทานของ stablecoin ลดลง ตามที่นักวิเคราะห์ของ CryptoQuant กล่าว
“เหตุผลที่ Bitcoin ไม่สามารถพุ่งขึ้นต่อไปได้อีกนั้น เป็นผลมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022” ตามที่ CryptoQuant รายงานเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม และส่งผลให้อุปทานของ Stablecoin โดยรวมเริ่มลดลงในช่วงต้นปี 2022 เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสหรัฐฯ
อุปทานของ Stablecoin เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า BTC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง และนโยบายการคลังจะนำมาซึ่งสภาพคล่องให้กับตลาด
“การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่อง stablecoin และอุปทานหมุนเวียนผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนมากขึ้นในสหรัฐฯ” เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ Bitcoin เข้าสู่ตลาดกระทิง
จนกว่าจะถึงเวลานั้น Bitcoin อาจยังคงซื้อขายแบบ sideways หรือปรับตัวลดลงต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนควรใช้มุมมองในระยะยาว
อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หมายความว่าเงินสดมีความน่าสนใจน้อยลงในการลงทุน และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สกุลเงินดิจิทัลหรือหุ้นเทคโนโลยี จะกลับมาน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
มูลค่าตลาดของ Stablecoin เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ที่ 161 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 7% ของตลาดคริปโตทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจุดสูงสุดในปี 2022
Tether ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งเกือบ 70% นอกจากนี้ อุปทาน USDT ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 112 พันล้านดอลลาร์
คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ Circle ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% โดยมีอุปทานหมุนเวียน 32.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วน DAI ของ Maker เป็น stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสาม โดยมีมูลค่าตลาด 5 พันล้านดอลลาร์ และมีส่วนแบ่งเพียง 3%
อ้างอิง : cryptopotato.com
ภาพ newsbtc.com