ในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจในเวเนซุเอลายังคงแย่ลงเรื่อย ๆ การโอนเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลจากสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นเพื่อหวังช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยภายในประเทศที่ประสบปัญหาภาวะเงินเฟ้อและปัญหาด้านอุปทานอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2023 สกุลเงินดิจิทัลคิดเป็น 9% ของมูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์ที่ส่งไปยังเวเนซุเอลา ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 461 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการโอนเงินไปยังเวเนซุเอลาเพิ่มขึ้นทุกปีนับตั้งแต่ปี 2018 ยกเว้นปี 2020 ตามข้อมูลของ Chainalysis
การโอนเงินมักจะใช้ช่องทางเช่น Western Union อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูง , ระยะเวลาการรอ , และปัญหาด้านอุปทานสกุลเงิน มักทำให้บริการเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับบุคคลในโลกกำลังพัฒนา แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพดีก็ตาม
ฝันร้ายทางเศรษฐกิจของเวเนซุเอลา
แม้ว่าจะมีปริมาณสำรองน้ำมันมากที่สุดในโลก แต่เศรษฐกิจของเวเนซุเอลายังคงประสบปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรัง , การคว่ำบาตรที่รุนแรง , ปัญหาด้านอุปทาน , และการทุจริตของรัฐบาล
ในปี 2018 รัฐบาลเวเนซุเอลาได้สร้างสกุลเงินดิจิทัลที่รัฐสนับสนุนชื่อว่า “Petro” เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อประเทศที่ร่ำรวยด้านพลังงานแห่งนี้ แต่น่าเสียดายที่สกุลเงินดิจิทัลนี้ไม่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายเนื่องจากถูกมองว่ามีการทุจริตและไม่มีสถานะเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายภายในประเทศ
แม้แต่ธนาคารกลางของเวเนซุเอลาก็ปฏิเสธที่จะยอมรับสกุลเงิน Petro และหลังจากที่สกุลเงินนี้แทบจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลา 6 ปี สกุลเงินนี้จึงถูกปิดตัวลงในปี 2024 อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หยุดยั้งรัฐบาลเวเนซุเอลาจากการหันกลับมาใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อีกครั้ง
เมื่อต้นปีนี้ มีรายงานออกมาว่ารัฐบาลเวเนซุเอลาพยายามใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าขายน้ำมันระหว่างประเทศ ซึ่งในการตอบสนองนั้น Tether ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสกุลเงินดิจิทัลแบบ stablecoin ได้ประกาศว่าจะระงับการใช้ USDT ที่เวเนซุเอลาถืออยู่ตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
ในเดือนพฤษภาคม 2024 เจ้าหน้าที่เวเนซุเอลาประกาศห้ามการขุดคริปโต โดยอ้างว่าการขุดคริปโตเคอเรนซีสร้างภาระให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศมากเกินไป ซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤตมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ zerocap.com