แม้ว่าฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Tinubu จะปราบปรามการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลแบบ peer-to-peer (P2P) ซึ่งก่อให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ชาวไนจีเรียรุ่นใหม่จำนวนมาก แต่ความกระตือรือร้นของพวกเขาสำหรับ Bitcoin ยังคงไม่ลดลง
ตามสถิติของ Google Trends พบว่า ไนจีเรีย ซึ่งเป็นตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีความสนใจใน Bitcoin (BTC) มากที่สุด ตามมาด้วยเอลซัลวาดอร์
จากการวิเคราะห์ทางภูมิศาสตร์เผยให้เห็นว่า รัฐเดลต้าเป็นผู้นำในกลุ่มความสนใจ Bitcoin ตามหลังรัฐเช่น Anambra, Ekiti, Enugu, Ondo, Ebonyi, Bayelsa, Osun, Edo และ Imo โดยเฉพาะอย่างยิ่งลากอส ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของไนจีเรีย อยู่นอก 15 เมืองชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับการค้นหา Bitcoin ของ Google
ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ที่มีความไม่มั่นคง , มีจำนวนการเข้าถึงธนาคารต่ำ , และสัดส่วนของคนรุ่นเจน Y ในระดับสูง มีแนวโน้มที่จะใช้ Bitcoin เป็นวิธีการจัดเก็บมูลค่าและอำนวยความสะดวกในการชำระเงินที่เชื่อถือได้
ชาวไนจีเรียยังหันมาหาเหรียญ stablecoin ซึ่งส่วนใหญ่ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและความผันผวนของค่าตนเอง โดย USDT ครองตลาดในฐานะเหรียญ stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และการใช้งานนี้เริ่มมีมากขึ้นสำหรับธุรกิจในท้องถิ่นในการทำธุรกรรม
จากการศึกษาขององค์การสหประชาชาติ ปัจจุบันไนจีเรียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกลุ่มอายุน้อยที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในแอฟริกา โดยกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 ปีคิดเป็น 43% ของประชากรทั้งหมด
ในเดือนพฤษภาคม 2024 รัฐบาลไนจีเรียได้เริ่มเตรียมที่จะแนะนำกฎระเบียบใหม่ที่ห้ามเว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลแบบ P2P โดยใช้ไนราไนจีเรีย ซึ่งเป็นสกุลเงินประจำชาติ
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของไนจีเรียยังกล่าวหาว่า Binance มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการสกุลเงินและการเก็งกำไร ซึ่งพวกเขาอ้างว่านำไปสู่การลดค่าเงินของไนรา
อ้างอิง : cointelegraph.com
ภาพ bitcoinmagazine.com