Vitalik และ รมว. กระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมประชุมสัมมนาการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในประเทศไทย

ภูเก็ต, ประเทศไทย – 29 มกราคม 2567 – การประชุมสัมมนาระดับบนานาชาติ Blockchain to Government Conference (B2GC) ซึ่งเป็นงานสำคัญในการขับเคลื่อนบล็อกเชนในประเทศไทยได้จบลงอย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์เทคโนโลยีบล็อกเชน (บีทีซี) จังหวัดภูเก็ต โดยมี Vitalik และ รมว. กระทรวงดิจิทัลฯ เข้าร่วมประชุมสัมมนา

งานนี้จัดขึ้นโดย กระทรวงดีอี สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (DGPA) บริษัทฟินสเตเบิ้ล โฮลดิ้ง จำกัด และเครือข่ายพันธมิตร 

การจัดงาน B2GC ครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 1 พันคนตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน และการมีคุฯ Vitalik และ รมว. กระทรวงดิจิทัลฯ มาร่วมบรรยาย ทำให้บรรยากาศในวันงานเรียกได้ว่าคึกคักเป็นอย่างมาก ภายในงานมีการจัดนิทรรศการมากกว่า 30 บูธ และอีเว้นท์อื่น ๆ จัดโดยชุมชนบล็อกเชนอีกกว่า 10 งาน การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจากแขกวีไอพีกว่า 150 ท่าน พันธมิตรสื่อกว่า 60 แห่ง รวมถึงวิทยากรที่มีชื่อเสียง ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศกว่า 70 ท่าน

ในส่วนเนื้อหาการประชุมครั้งนี้จะเน้นบทบาทของเทคโนโลยีบล็อกเชนในการยกระดับบริการภาครัฐในด้านการพิสูจน์ตัวตน การเงิน การศึกษา สาธารณสุข การใช้สิทธิออกเสียง และด้านอื่น ๆ ที่ต้องการความเชื่อมั่นของรัฐ

เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐนำไปศึกษา ต่อยอด และประยุกต์ใช้จริงต่อไป นอกจากนี้ในงานยังมีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์หลากหลายช่องทางซึ่งมียอดผู้ชมมากกว่า 6 ล้านวิวทั่วโลก

งาน B2GC เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้หลากหลายภาคส่วนเข้าร่วมหารือและทำงาน มีการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างโครงการไทยและผู้นำด้านบล็อกเชนระดับโลก ตลอดไปจนถึงการเชื่อมโยงระหว่างนักลงทุนเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับสูง วีไอพี และภาคธุรกิจบล็อกเชน

(Mr. Herbert Yang ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียของ DFINITY FOUNDATION แบ่งปันเกี่ยวกับ Internet Computer Protocol และการสร้างชุมชนด้วยโครงการต่างๆ ในระหว่างงาน Blockchain to Government Conference เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567)


การสนับสนุนจากรัฐบาลและโอกาสแห่งอนาคต

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) เป็นประธานงานประชุมสัมมนาระดับนานาชาติได้กล่าวปราศัยเกี่ยวกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของกระทรวงดีอีในชื่อ The Growth Engine of Thailand ประกอบด้วย 3 เครื่องยนต์สำคัญได้แก่ 1. การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ (Thailand Competitiveness)  2. การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Safety & Security) และ 3.การเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ (Human Capital) จะขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้หากขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น การเพิ่มประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ความโปร่งใสในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยปัจจุบันมีองค์กรหรือหน่วยงานจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตและการให้บริการ จนเกิดเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ดังนั้นบล็อกเชนจึงเปรียบเสมือนคลื่นลูกใหม่แห่งวงการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ

เมื่อมองไปในอนาคตข้างหน้า B2GC ได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตดิจิทัลของประเทศไทย การประชุมนี้ไม่เพียงจุดประกายการสนทนาเกี่ยวกับบล็อกเชนเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำหรับการดำเนินการตามนโยบายที่จับต้องได้และความร่วมมือที่อาจกำหนดทิศทางภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีของประเทศ


(นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม กล่าวปราศรัยในงาน Blockchain to Government Conference เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567)

สาระสำคัญจากการอภิปรายภายในงาน B2GC

Dorian Bezzina ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) ของฟินสเตเบิ้ล กล่าวเปิดงานวันที่ 18 –19 มกราคม 2567 ได้พูดถึงสาระสำคัญของการประชุม และการประชุมของทั้ง 2 วันนี้นำโดยวิทยากรที่มีชื่อเสียงระดับโลก และผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบล็อกเชน อาทิ Vitalik Buterin (Co-founder) Ethereum, Dr. Duncan Wong (CTO, Chief Scientist) Dabanc, Sebastian R. Cabrera (VP of Product, Polygon ID) และ Ravikant Agrawal (Director of Growth, Polygon Labs) จาก Polygon, Zack Gall (Co-founder & CCO) EOS Network, Alex Blagirev (Strategic Initiatives Officer) SingularityNET, Emilio Cannessa (Head of Global Adoption) Internet Computer Protocol และ Sarah Song จาก BNB Chain

ช่วงการบรรยายที่ได้รับการรจับตามองมากที่สุดเป็นของ Vitalik Buterin ที่มุ่งเน้นไปที่ขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน Layer 1 ของ Ethereum สำหรับเหล่านักพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงความสำคัญของการขยายเครือข่ายและความยั่งยืน ซึ่งทาง Ethereum กำลังมุ่งพัฒนาไปสู่เป้าหมายเหล่านั้น นอกจากนี้ Vitalik ยังได้รับเชิญร่วมงาน Devcon7 ซึ่งจะถูกจัดขึ้นภายในปีนี้ ณ กรุงเทพฯ อีกด้วย

ในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้นำบล็อกเชนคนสำคัญของประเทศไทย อาทิ ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการใหญ่ depa, คุณวิชัย ทองแตง ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล, คุณตฤบดี อรุณานนท์ชัย รองประธานบริษัท Velo Labs, คุณสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด, คุณกัญญารัตน์ แสงสว่าง Country Manager จาก The Sandbox และคุณสถาพน พัฒนะคูหา ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร SmartContract Blockchain Studio

พร้อมด้วยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อาทิ รศ.ดร.พรหมพัฒน ธัญสิริชัยศรี ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผศ.ดร.วโรดม วีระพันธ์ หัวหน้าทีมวิจัยบล็อก วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ดร.กิตติ์ เธียรธโนปจัย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ดร.วรวรรธ ทรายใจ สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกภายในงานนี้เช่นกัน การอภิปรายเหล่านี้ได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของบล็อกเชนในการปฏิรูปภาครัฐ เช่น ช่วยในด้านการพิสูจน์และยืนยันตัวตน การเงิน การศึกษา และธรรมาภิบาลสาธารณะ ซึ่งผลลัพธ์สำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับบทบาทที่สำคัญของบล็อกเชนในการเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของรัฐบาล

(Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum Foundation กล่าวบรรยายผ่านการสนทนาทางวิดีโอและตอบคำถามจากผู้ฟังในงาน Blockchain to Government Conference เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567)

การเปิดตัวนวัตกรรมต่าง ๆ

ในส่วนของการพัฒนานวัตกรรมที่สำคัญ B2GC ได้เล็งเห็นการเปิดตัวแพลตฟอร์มโทเค็นสินทรัพย์ใหม่อย่าง Sabai Ecoverse ซึ่งดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนและนักเทคโนโลยีมากมาย  การเปิดตัวโครงการนำร่องแอปพลิเคชันบล็อกเชน Drive-to- Earn การจำหน่ายยานพาหนะไฟฟ้าในภูเก็ต โดยมีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างบริษัท ไมล์ กรีน (Mile Green) สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต และพันธมิตร นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงการจำลอง VR สำหรับหน่วยดับเพลิงและกองกำลังตำรวจโดยทีมงาน VAR Live เพื่อแสดงความสามารถในด้านเทคโนโลยีแก่ตัวแทนของรัฐบาลอีกด้วย

ขอแสดงความขอบคุณและมุ่งหวังการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องจากทุกท่าน

ทีมผู้บริหารงาน B2GC ขอขอบคุณคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ สปอนเซอร์ พันธมิตรสื่อ และผู้เยี่ยมชมทุกท่านที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จของงาน B2GC เราได้ร่วมกันสร้างอิทธิพลอย่างแพร่หลายไม่ใช่เป็นเพียงแค่การประชุม ด้วยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และมีการบันทึกข้อตกลง (MOU) ภายในงาน

การมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการใช้จังหวัดภูเก็ตเป็น “แซนด์บ็อกซ์” เพื่อนำร่องโครงการเทคโนโลยีบล็อกเชน ได้รับการผลักดันให้เกิดขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จังหวัดภูเก็ต จากการที่มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหลายภาคส่วนในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงก้าวแรกอย่างเป็นรูปธรรมสู่การรับเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาประยุกต์ใช้ และขยายเครือข่ายภายในประเทศไทย


หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อหาการประชุม โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ B2GC  ในส่วนการจัดงานอีเว้นท์ในอนาคต สามารถติดตามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของฟินสเตเบิ้ล

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมงานอีเว้นท์ Block on the Beach  2024 สามารถลงทะเบียนเพื่อซื้อบัตร early bird ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

งาน Block On The Beach – ลงทะเบียนรอบ Early Bird
https://forms.gle/HgVtEnEJk5sfxEFB9

ช่องทางติดต่อและสอบถามข้อมูล
Official Website: https://b2gc.finstable.co.th/en
Email: B2GC@finstable.co.th

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

wissarut

ข่าวต่อไป