นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปร่วมงานสัมมนาแถลงแผนยุทธศาสตร์ ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. พร้อมขึ้นกล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “นโยบายและทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทย”
โดย ระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับตลาดทุนไทย โดยจะพัฒนาและดึงศักยภาพตลาดทุนไทยให้เป็น กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแรงและยั่งยืน
แม้ที่ผ่านมาตลาดทุนไทยจะเผชิญกับความท้าทายจนกระทบความเชื่อมั่น ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานจะเห็นว่ามีความแข็งแกร่งติดอันดับที่ 27 ของโลกและอันดับ3 ของอาเซียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า 3 แนวทางสำคัญ ที่รัฐบาลจะเสริมสร้างจุดแข็งของตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวน อีกทั้งส่งเสริมโอกาสการเติบโต และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของทั้งตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจโดยรวมในระยะข้างหน้าต่อไป ดังนี้
1. การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผลักดันให้ตลาดทุนไทยเป็น investment destination ของภูมิภาค
2. การ shift focus สู่ความยั่งยืน รัฐบาลจะดำเนินการและสนับสนุนทุกภาคส่วนเพื่อเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง มุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainability Development Goals) และเป้าหมายของประเทศไทยด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608
3. การสนับสนุนการระดมทุนของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัลและ SMEs / Startups เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ เติบโตและขยายต่อไปได้ในระดับโลก
ทั้งนี้รัฐบาลยังเห็นโอกาส ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งตลาดทุนไทยมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ยกระดับการระดมทุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยเฉพาะการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคธุรกิจ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นเป้าหมายของแผนหลักของก.ล.ต.ในระยะข้างหน้า ด้านการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ จะมีการจัดโรดโชว์ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ร่วมถึงการใช้ตลาดทุนไทยเป็นตัวขับเคลื่อน การระดมทุนไปสู่เศรษฐกิจยั่งยืน โดยมีตัวอย่างจากการจัดตั้ง Thailand ESG fund มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่เสนอขายกองทุน ESG จำนวน 16 แห่ง รวม 25 กองทุน สร้างเม็ดเงินไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
ด้าน รศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ทิศทาง และยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ตในปี 67 มีเป้าหมาย ที่จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนของประเทศ มุ่งไปที่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และมุ่งไปสู่ Green Digital economy และ ส่งเสริมความไว้วางใจระหว่างกันตลาดกับนักลงทุน ควบคู่กับการสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ตลาดทุนไทย ให้มีกลไกในการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมดิจิทัล
อ้างอิง : pptvhd36.com