‘จุลพันธ์’ยอมรับ อาจไม่ทันแจก เงินดิจิทัล 10,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า 

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการ เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยว่า ได้มีการเลื่อนประชุมอนุกรรมการออกไปจากเดิมประชุมวันที่ 19 ตุลาคม ออกไปเป็นวันที่ 24 ตุลาคมนี้แทน เนื่องจากคณะอนุกรรมการลงความเห็นว่ายังมีรายละเอียดบางส่วนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และยังต้องเลื่อนการประชุมคณะอนุกรรมการส่วนการประชุมคณะกรรมการโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เดิมคาดวันที่ 26 ตุลาคมนั้นยังไม่ชัดเจนหรือระบุว่าจะประชุมวันใด

นายจุลพันธ์กล่าวว่า รายละเอียดที่ยังไม่ชัดเจน อาทิ แหล่งที่มาของเงินยังไม่มีข้อสรุป มีหลายทางเลือกที่ให้คณะอนุกรรมการได้พิจารณา อีกเรื่องคือเงื่อนไขกลุ่มเป้าหมายนั้น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงไม่มีแนวคิดที่จะแจกเงินเฉพาะกลุ่ม หากเลือกให้กลุ่มคนจน จะทำให้กลายโครงการสงค์เคราะห์แทน

“ข้อเสนอที่หลายฝ่ายให้มานั้นทางเรารับฟัง รัฐบาลมองว่าเงินดิจิทัลเป็นโครงการการกระตุ้นไม่ใช่สงเคราะห์ ถ้าถามกลับไปว่า จะกำหนดว่าใครเป็นคนรวย จะตัดเส้นรายได้ที่ตรงไหนที่จะเหมาะสมก็ยังไม่ตอบได้ เพราะเราใจคนชนชั้นกลางก็ต้องการการกระตุ้น ดังนั้น เงินดิจิทัล ก็อาจทำให้หลายคนไปต่อยอด ไปลงทุน และใช้จ่ายได้” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า เรื่องที่ชัดเจนแล้วคือรัศมีการใช้จ่ายนั้นจะขยายเกิน 4 กิโลเมตรจากทะเบียนบ้านแน่นอน มีทางเลือกเป็นตำบล อำเภอ และจังหวัด ตามทะเบียนบ้าน นอกจากนี้ การเลื่อนประชุมเนื่องจากไม่ได้ข้อสรุป จะมีผลให้โครงการเริ่มไม่ทัน วันที่ 1 กุมภาพันธ์หรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่าอาจทำให้การทำงานของคณะกรรมการเงินดิจิทัล ตรึงตัวแน่นอน แต่ยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัลจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567

“ท่านนายกรัฐมนตรีมอบโจทย์ไว้ว่าจะแจกเงินภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ผมพร้อมที่จะไปบอกว่าไม่ทัน ด้วยเหตุผลที่ให้คือถ้าต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาระบบ เพื่อทำให้เกิดความเสถียร ปลอดภัย เราก็ต้องทำ” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจนั้น รัฐบาล กระทรวงการคลัง ก็รับฟัง รัฐบาลยังยึดมั่นที่เสถียรภาพ แต่ก็ตั้งเป้าให้มีประสิทธิภาพด้วย คาดหวังว่าโครงการนี้ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปี 2567 เติบโตสูงขึ้น ใกล้เคียง 5% ต่อปี อาจจะต้องปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการเงินดิจิทัลบ้าง แม้บ่างเรื่องจะขัดกับที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง แต่ตอนนี้รัฐบาลเป็นรัฐบาลแบบผสม นโยบายบ้างอย่างก็ต้องมีเปลี่ยนร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

นายจุลพันธ์กล่าวว่า กรณีหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะซ้ำรอยโครงการจำนำข้าวนั้น ทางรัฐบาลไม่มีความกังวล มั่นใจว่าไม่มีการทุจริต คณะกรรมการทุกส่วนงานได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ รวมทั้ง ยังมีคณะทานติดตามตรวจสอบโครงการด้วย ดังนั้นเชื่อว่าไม่มีการผิดพลาดแน่นอน

อ้างอิง : matichon.co.th

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป