Zac Prince ซีอีโอของบริษัทให้ยืมสกุลเงินดิจิทัลที่ล้มละลายอย่าง BlockFi ถูกกล่าวหาว่า “เพิกเฉย” ต่อคำแนะนำจากทีมบริหารความเสี่ยงของบริษัทเกี่ยวกับการให้ยืมสินทรัพย์แก่ Alameda Research
จากการยื่นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมต่อศาลล้มละลายสหรัฐในเขตนิวเจอร์ซีย์โดยคณะกรรมการเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ทางด้านทีมบริหารความเสี่ยงของ BlockFi รายงานเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงสูง” ที่เกี่ยวข้องกับการให้ยืมสินทรัพย์แก่ Alameda โดย Zac Prince ละเลยข้อกังวลจากทีมงานเกี่ยวกับการให้ Alameda ยืมเงินมูลค่า 217 ล้านเหรียญสหรัฐภายในเดือนสิงหาคม 2021 ซึ่งทีมงานแนะนำว่าอาจมีความเสี่ยงหากโทเค็น FTX (FTT) ที่ใช้เพื่อประกันเงินกู้จำเป็นต้องชำระบัญชี
“ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2021 ทีมบริหารความเสี่ยงของ BlockFi ได้ให้คำแนะนำว่างบดุลของ Alameda ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ‘~7bb ที่ปลดล็อค FTT และทั้งหมด 11bb รวมถึงโทเค็นที่ถูกล็อคตามข้อมูลทางการเงินที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ’” เอกสารดังกล่าวระบุ “นี่เป็นการเตือนที่ Mr. Prince ไม่สนใจข้อกังวลดังกล่าว’”
หลังจากเดือนมกราคม 2022 ทีมบริหารความเสี่ยงหยุดออกบันทึกให้ Prince เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้เงินกู้กับ Alameda โดยเปลี่ยนไปเป็น “การประชุมออฟไลน์และ Slack” ซึ่ง CEO รับทราบความเสี่ยงเป็นครั้งคราว ซึ่ง BlockFi มีสินทรัพย์ประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ที่เชื่อมโยงกับ FTX และ Alameda เมื่อบริษัทประกาศล้มละลาย
ในช่วงเวลาของการยื่นบทที่ 11 ในเดือนพฤศจิกายน 2022 BlockFi กล่าวว่า “มีการเกี่ยวข้องกับ” กับ FTX และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง FTX US โดยได้รับวงเงินสินเชื่อ 400 ล้านดอลลาร์จาก BlockFi ในเดือนกรกฎาคม 2022 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างสองบริษัทท่ามกลางตลาดหมีคริปโต
“BlockFi ได้เงินกู้ยืมคืนจาก Alameda [ในเดือนมิถุนายน 2022] และ Alameda ได้ชำระยอดคงค้างจนเกือบเป็นศูนย์” รายงานระบุ “BlockFi นั้นสามารถหลุดพ้นจากความเกี่ยวข้องได้ แต่กลับให้ Alameda ยืมเงินอีกครั้งเกือบ 900 ล้านดอลลาร์ (ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2022) ซึ่งเกือบทั้งหมดค้ำประกันโดย FTT”
“อาจเป็นความจริงที่การล่มสลายของ Alameda/FTX ก่อให้เกิดการล่มสลายของ BlockFi แต่การตายของ BlockFi มีรากฐานมาจากการดำเนินธุรกิจและการตัดสินใจก่อนหน้าการยื่นล้มละลายของ Alameda/FTX”
โฆษกของ BlockFi กล่าวว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกับรายงานดังกล่าว