Atomic Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินแบบ noncustodial ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างหนัก ทำให้มีผู้ใช้รายงานการสูญเสียเงินในพอร์ตการลงทุนสกุลเงินดิจิตอลทั้งหมดของพวกเขา ซึ่งการละเมิดที่ไม่คาดคิดนี้ส่งคลื่นกระแทกไปทั่วชุมชนคริปโต เนื่องจากพื้นฐานของ Atomic Wallet นั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการจัดเก็บทรัพย์สินของตนอย่างปลอดภัย
การสูญเสียจากการปล้น Atomic Wallet พุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 100 ล้านดอลลาร์แล้ว จากการวิเคราะห์ของ Elliptic โดยตัวเลขที่น่าตกใจนี้เน้นให้เห็นถึงความรุนแรงของการโจมตี ซึ่งทำให้มีกระเป๋าเงินคริปโตเสียหายประมาณ 5,500 กระเป๋า
แม้ว่าเหตุการณ์จะใหญ่โตเพียงใด ทางด้าน Atomic Wallet ก็ยังไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับสาเหตุของความสูญเสียจำนวนมากเหล่านี้ และสิ่งนี้นำไปสู่ความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้ที่ผิดหวังที่กำลังรอการชี้แจงและการรับรองจากบริษัท ในขณะเดียวกัน การอัปเดตครั้งล่าสุดของบริษัทบน Twitter คือย้อนไปวันที่ 7 มิถุนายน
ผู้ใช้ Atomic Wallet ที่ผิดหวังหลายรายได้โพส Twitter เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อวิธีที่บริษัทจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยผู้ใช้ Twitter ชื่อ Ezra Carlson ได้แชร์และติดแท็ก Atomic Wallet ว่า “ทำไม AM ไม่ให้คำตอบตรง ๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่เตือนเรา ทั้งที่รู้ดีว่ากำลังถูกแฮ็ก การใช้ AM ไม่ปลอดภัยเมื่อสัปดาห์ก่อน และฉันก็โอนเงินไปยังกระเป๋าเงินของฉันแล้วก็ถูกแฮ็ก”
ผู้ใช้อีกรายชื่อ “Real Deal Crypto” ตำหนิ Atomic Wallet เนื่องจากขาดการอัปเดตที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ โดยกล่าวว่า “การอัปเดตครั้งล่าสุดของคุณคือเมื่อ 5 วันก่อน !?!”
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน Atomic Wallet รับทราบรายงานเกี่ยวกับกระเป๋าเงินที่ถูกบุกรุกในทวีต แต่กลับมองข้ามผลกระทบดังกล่าว โดยระบุว่า มีผู้ใช้ “น้อยกว่า 1%” ที่ได้รับผลกระทบ
Elliptic ได้เชื่อมโยงการปล้นดังกล่าวกับ Lazarus Group แฮ็กเกอร์ชาวเกาหลีเหนือ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการขโมยทรัพย์สิน crypto มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ผ่านการโจรกรรมต่าง ๆ
Elliptic ได้เผยว่า กำลังร่วมมือกับผู้สืบสวนระหว่างประเทศและเว็บเทรด และระดมทรัพยากรเพื่อกู้คืนทรัพย์สินที่ถูกขโมย และความพยายามของบริษัทส่งผลให้เกิดการระงับเงินมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยไป อย่างไรก็ตาม บริษัทวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า “เพื่อตอบสนองต่อการระงับเงินเหล่านี้ โจรได้เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาหันไปใช้เว็บเทรด Garantex ในรัสเซียเพื่อฟอกทรัพย์สินที่ถูกขโมย”