จากเหตุการณ์ที่ธนาคาร Silicon Valley Bank ปิดตัวลงและบริษัทแม่ของบริษัทได้ยื่นล้มละลายส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ กว่า 190 แห่งที่อาจปิดตัวลงตามกันไป
ก่อนหน้านี้บริษัทแม่ของ SVB ก็เพิ่งยื่นขอล้มละลายไปด้วย เหตุการณ์ SVB สะท้อนให้เห็นว่าโครงสร้างของธนาคารที่เป็นระบบการเงินแบบดั้งเดิมก็มีความเปราะบางเช่นกัน โดยรายงานจากนักเศรษฐศาสตร์เผยว่ามีธนาคารหลายแห่งมีการถอนเงินฝากที่ไม่มีประกันออกไปหลังจาก SVB ปิดตัวลง
“แม้จะมีการถอนเงินฝากที่ไม่มีประกันไปเพียง 50% แต่ธนาคารกว่า 190 เหล่านี้ก็ทำอาจทำให้เงินฝากอีกกว่า 300 พันล้านดอลลาร์ที่มีหลักประกันนั้นตกอยู่ในความเสี่ยงเช่นกัน”
นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางก็ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรรัฐบาล, การจำนองต่าง ๆ ในระยะยาว ทำให้ธนาคารพาณิชย์ขาดทุนได้
จากรายงานกล่าวว่าธนาคารจะถือว่าล้มละลายหากมูลค่าสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Mark-to-Market Value) หลังจากจ่ายเงินให้กับผู้ฝากเงินที่ไม่มีประกันทั้งหมดแล้ว ไม่เพียงพอที่จะชำระคืนเงินฝากที่มีประกันทั้งหมด
ข้อมูลในกราฟด้านบนแสดงสินทรัพย์ตามรายงานของ Bank Call Reports ในไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ธนาคารที่อยู่มุมขวาบน ข้างๆ SVB (มีสินทรัพย์ 218 พันล้านดอลลาร์) มีการขาดทุนมากที่สุดและมีเงินฝากที่ไม่มีประกันมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Mark-to-Market Value
อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นและการที่มีเงินฝากที่ไม่มีหลักประกันมากขึ้นใน US ส่งผลต่อเสถียรภาพทางการธนาคารในสหรัฐด้วยเช่นกัน
“มูลค่าสินทรัพย์ธนาคารที่ลดลงส่งผลต่อระบบธนาคารสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ฝากเงินที่ไม่มีประกัน”
รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก็ไม่ได้นิ่งเฉยและพยายามเข้ามาเยียวยาลูกค้าที่ฝากเงินไว้กับ SVB และ Signature Bank ประธานาธิบดีก็ย้ำว่า Joe Biden ว่าเหตุการณ์ Silicon Valley และ Signature Banks ปิดตัวลงจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้เสียภาษี
Thanks to actions we've taken over the past few days to protect depositors from Silicon Valley and Signature Banks, Americans can have confidence that our system is safe.
— President Biden (@POTUS) March 13, 2023
People’s deposits will be there when they need them – at no cost to the taxpayer.
ที่มา LINK