Blur ซึ่งเป็นคู่แข่งของ OpenSea ตอนนี้กำลังครองระบบเศรษฐกิจของ non-fungible บน on-chain อย่างช้า ๆ ตามการรายงานของ Glassnode แพลตฟอร์มข่าวกรองบล็อกเชน
ตามที่รายงานอธิบาย ค่าธรรมเนียม gas ของ Ethereum มีราคาแพงขึ้น โดยราคา gas ในการทำธุรกรรมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 38 gwei เทียบกับประมาณ 10 ถึง 20 gwei ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าต้นทุน gas ในช่วงที่ FTX ล่มสลายในเดือนพฤศจิกายน (36 gwei) และข่าว FUD ของ Binance ในเดือนถัดไป (24 gwei) – ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ทำให้ราคา gas เพิ่มสูงขึ้น
“จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด… เราสามารถระบุได้ว่า แหล่งที่มาหลักของกิจกรรมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นนี้คือตลาด NFT ซึ่งเป็นสัญญาณของการเติบโตอีกครั้ง” Glassnode เขียน
NFT มีการเติบโตที่ลดลงอย่างช้าๆ ในปี 2022 ทั้งในส่วนของปริมาณการซื้อขายและราคา floor สำหรับคอลเลกชันยอดนิยม ซึ่งจากการวิเคราะห์ต่าง ๆ เผยให้เห็นว่าตลาด NFT นั้นเต็มไปด้วย wash trading
ขณะที่ OpenSea – ราชาที่ครองตลาด NFT มายาวนาน – ก็มีการเลิกจ้างพนักงาน 20% ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากตลาดหมีและแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาค
ส่วนทางด้าน Blur ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคม ก็ได้เริ่มครอบครอง 78% ของปริมาณโวลลุุ่มการถ่ายโอน NFT ด้วยการใช้ “รูปแบบค่าธรรมเนียมการซื้อขายเป็นศูนย์ พร้อมกับการชำระค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติม”
แม้ OpenSea จะเปลี่ยนมายกเลิกค่าธรรมเนียมเพื่อหวังสู้กลับ แต่ ก็ไม่สามารถแข่งขันกับกระแสความนิยมของ Blur ได้ โดยจากข้อมูลของ Glassnode พบว่าสิ่งนี้เป็นเพราะ Blur ได้ดึงดูดชุมชนของนักเทรดมืออาชีพ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายในอดีตของ OpenSea ที่เป็น “ครีเอเตอร์และนักสะสม”
รายงานยังพบว่า ผู้ใช้ Blur ทั่วไปมีการซื้อขาย 4 ถึง 5 รายการต่อวันบนแพลตฟอร์ม เทียบกับ OpenSea ที่มีค่าเฉลี่ยเพียง 2 รายการต่อผู้ใช้
“ด้วยความถี่ในการขายที่สูงมาก ทำให้ผู้ขาย NFT จำนวนมากรู้สึกมั่นใจในการใช้งานแพลตฟอร์มของ Blur และยังช่วยดึงดูดผู้ซื้อได้มากขึ้น” รายงานระบุ
Glassnode ระบุว่า การเติบโตของที่อยู่กระเป๋าใหม่บน Ethereum ยังคงอยู่ที่ 40% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ของ Blur ดูเหมือนจะเป็นผู้ใช้ Ethereum ที่มีอยู่เป็นหลัก แทนที่จะเป็นผู้เข้าร่วมเครือข่ายใหม่ทั้งหมด
อ้างอิง : LINK