เหตุใด “ZK-Rollups” ถึงเป็นอนาคตของการ Scaling ของ Ethereum

ZK-Rollups คืออะไร และทำไมทุกคนถึงพูดถึง และอนาคตของการ Scaling ของ Ethereum คืออะไร? ทาง Gal Ron แห่ง StarkWare จะมาช่วยไขคำตอบ

การ Scaling ของ Ethereum เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จากการเปลี่ยนผ่านของเครือข่ายมาเป็น  proof-of-stake ในเดือนกันยายน 2022 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นการเปิดประตูสู่การนำโซลูชันการ Scaling ต่าง ๆ มาใช้

แนวคิดเช่น zero-knowledge proofs ซึ่งกำลังจะใช้งานได้จริง แต่สำหรับหลาย ๆ คน แนวคิดเหล่านี้ยังคงเป็นแนวคิดที่แปลกใหม่  ดังนั้นเพื่อช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของการ Scaling ของ Ethereum ทาง Gal Ron – ผู้จัดการผลิตภัณฑ์และนักวิจัยบล็อกเชนที่ StarkWare – บริษัทที่มุ่งเน้นในเรื่องนี้เป็นหลักจึงได้ออกมาช่วยหาคำตอบ

ปัญหาเกี่ยวกับ Ethereum

ก่อนอื่น สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการ Scaling ของ Ethereum หมายถึงอะไร  โดยในแง่ของคนธรรมดา นี่คือกระบวนการที่จะขยายความสามารถในการประมวลผลของเครือข่าย เพื่อให้แต่ละโหนดสามารถจัดการกับปริมาณงานธุรกรรมที่สูงขึ้นได้

“เพื่อให้เป็นไปตามสมมติฐานด้านความน่าเชื่อถือและข้อกำหนดด้านความน่าเชื่อถือ โหนดทั้งหมด (บน Ethereum) จะต้องทำสิ่งเดียวกัน  ซึ่งตามคำนิยาม สิ่งนี้จะทำให้เกิดข้อจำกัดเกี่ยวกับ throughput ของระบบ เพราะหากเราเพิ่ม TPS หรือขนาดบล็อกให้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด จะทำให้โหนดที่เล็กกว่าหรือมีกำลังการคำนวณน้อยกว่ามีปัญหาในการเข้าร่วม”

และโดยพื้นฐานแล้ว สิ่งนี้ทำให้ Ethereum ถูกจำกัดความสามารถ ตามคำนิยาม

แนวทางของ StarkWare: ZK-Proof คืออะไร

Ron อธิบายว่า มีทางเลือกสองถึงสามทางในการจัดการกับปัญหาข้อจำกัดของ Ethereum ดังกล่าว ซึ่ง StarkWare ได้ใช้แนวทางที่แตกต่างในการ “scaling Ethereum จาก Ethereum และไม่ทำให้เกิด chain ใหม่”  โดยพวกเขาทำผ่าน StarkNet และ StarkEx

StarkNet ถูกอธิบายว่าเป็น “permissionless decentralized validity-rollup หรือที่เรียกว่า ZK-Rollup”  โดยทำงานเป็นเครือข่าย L2 (เลเยอร์สอง) บน Ethereum และมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แอพพลิเคชั่นแบบกระจายอำนาจ (dApp) ใด ๆ สามารถ scale ได้ไม่จำกัด และไม่สูญเสียความปลอดภัย เนื่องจาก StarkNet อาศัยระบบ cryptographic proof system ที่เรียกว่า STARK

“ด้วย Ethereum โหนดทั้งหมดจะต้อง re-run ธุรกรรมทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้า ZK (zero-knowledge) นั้นยังไม่มีวิธีอื่นใดที่จะไว้วางใจได้ว่ามีคนที่ดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์  แต่ด้วยความมหัศจรรย์ของ ZK คือการสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ในการไว้วางใจโหนดอื่น ๆ โดยไม่ต้องเรียกใช้การคำนวณที่พวกเขาเพิ่งทำใหม่อีกครั้ง” – Ron กล่าว

โดยพื้นฐานแล้ว ZK rollups เช่น StarkNet จะลดจำนวนงานด้านการคำนวณที่โหนดบน Ethereum ต้องใส่ลงไปได้อย่างมาก ซึ่งจะเป็นการเพิ่ม throughput ของเครือข่าย

และทั้งหมดนี้ทำโดยที่ไม่สูญเสียความปลอดภัยของเลเยอร์หลัก ซึ่งในการทำเช่นนั้น StarkWare ได้คิดค้น ZK-STARK ซึ่งจะช่วยให้บล็อกเชนสามารถย้ายการคำนวณไปยัง single off-chain STARK จากนั้นก็จะตรวจสอบความสมบูรณ์ของการคำนวณเหล่านั้นโดยใช้ STARK Verifier บนเครือข่าย

อ้างอิง : LINK
ภาพ LINK

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Radius

ผู้เชี่ยวชาญการเขียนข่าว บทความ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin , คริปโตเคอเรนซี่ และ Blockchain ทั้งในไทยและต่างประเทศ อัพเดทราคา มุมมองการลงทุน ใหม่ล่าสุดทุกวัน
ข่าวต่อไป