“Bitcoin Island” เป็นเกาะที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เกาะโบราไกย์ (Boracay) เป็นเกาะสวรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวต่างวิ่งหา ด้วยหาดทรายขาวบริสุทธิ์ , น้ำทะเลใส , อาหาร และความเขียวขจีของเกาะ โดยเกาะนี้คือทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการจากวันหยุด รวมถึงเหล่าสาวก Crypto ทั้งหลาย
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่เกาะ พวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานประเพณีดั้งเดิมของชาวฟิลิปปินส์ เข้ากับสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ เช่น สกุลเงินดิจิทัล
การพกเงินสดเยอะ ๆ เวลาไปเที่ยวมักไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และการใช้บัตรเครดิตของคุณในต่างประเทศก็อาจมีค่าธรรมเนียมจำนวนมากทั้งในการแปลงสกุลเงินและค่าธรรมเนียมการใช้บัตรในต่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้ Bitcoin ค่าธรรมเนียมก็จะเหลือเพียงเศษเสี้ยวของค่าธรรมเนียมในระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
Bitcoin, Lightning Network และ โบราไกย์
Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่คุณสามารถใช้เพื่อซื้อของออนไลน์หรือในร้านค้าได้ มันเหมือนกับเงินทั่วไปแต่อยู่บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น โดยมีหน่วยขนาดเล็กที่เรียกว่า”ซาโตชิ” ซึ่งผู้คนสามารถถือครอง Bitcoin บางส่วนได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทั้งหมด
Bitcoin ใช้เครือข่าย Lightning เพื่อโอน Bitcoin และเป็นเหมือนทางด่วน เนื่องด้วยปกติแล้ว เมื่อผู้คนส่ง BTC จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ต้องอาจใช้เวลาสักครู่กว่า BTC จะไปถึงที่นั่น แต่ด้วย Lightning Network จะทำให้ Bitcoin สามารถส่งได้เร็วกว่ามาก เหมือนกับรถยนต์ที่วิ่งบนทางด่วน และสิ่งนี้ทำให้การใช้ Bitcoin เพื่อซื้อสิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น
นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่สามารถชำระค่าสินค้าด้วย Bitcoin ใน โบราไกย์ เท่านั้น แต่คนในท้องถิ่นที่ยอมรับก็สามารถเก็บ Bitcoin ไว้ในกระเป๋าเงินดิจิตอลของพวกเขา หรือพวกเขาสามารถจ่ายเป็นสกุลเงินท้องถิ่นได้ ซึ่งก็คือเงินเปโซของฟิลิปปินส์
การยอมรับ Bitcoin ของคนในท้องถิ่นที่เกาะนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งแม้แต่คนขายอาหารข้างถนนก็ยังยอมรับ Bitcoin ทำให้ที่เกาะแห่งนี้เป็นมิตรกับผู้ใช้ crypto และดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบให้มาเที่ยวที่นี่มากขึ้น
Bill Hill รองประธานของ Pouch ที่อาศัยอยู่ที่โบราไกย์ บอกว่าเขาไม่ได้ใช้เงิย fiat มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022
“นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำ ไม่ใช่แค่ในฟิลิปปินส์ แต่ยังรวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ดังนั้นเราจึงรู้ว่าจะมีชาวต่างชาติจำนวนมากที่จะเข้ามาและพวกเค้ามีกระเป๋าเงิน Bitcoin Lightning อยู่แล้ว และเราก็จะมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นซึ่งจะนำ Bitcoin มาสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น”
Hill กล่าวว่าจนถึงตอนนี้ ในหนึ่งเดือน “มีเงินเข้าระบบประมาณกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว”
“เราอยากให้มีเกาะที่ยอมรับ Bitcoin เพิ่มมากขึ้นในฟิลิปปินส์ และเรากำลังช่วยเหลือผู้คนบนเรือในขณะที่ช่องทางการโอนเงินของเราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เราจะเห็นการเติบโตตามธรรมชาติ เพราะในฟิลิปปินส์ ทุก ๆ วัน มีเงินกว่า 86 ล้านเหรียญสหรัฐที่โอนมาจากแรงงานต่างชาติที่โอนกลับมาเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขา และตอนนี้ประมาณ 7% ของเงินนั้นเสียไปกับค่าธรรมเนียมการโอนเงิน แต่เราคิดค่าสเปรดเพียง 1% สำหรับการแปลงเงินต่างประเทศเข้าสู่ระบบของเรา”
ซึ่งนั่นหมายถึงการประหยัดเงินได้มากกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน หากผู้คนในฟิลิปปินส์ใช้ Bitcoin และเครือข่าย Lightning
สำหรับตอนนี้ Bitcoin Island เป็นการทดลองที่น่าสนใจ โดยมันเหมือนเป็นสถานที่ทดลองจนกว่าจะถึงวันที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และถ้าการทดลองผ่านไปได้ด้วยดี วันนั้นที่เราฝันถึงก็อาจจะมาถึงเราเร็วกว่าที่เราคิด
อ้างอิง : LINK
