BlockFi ประกาศเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนว่า บริษัทได้ยื่นขอล้มละลายในบทที่ 11 ตามการยื่นต่อศาลล้มละลายสหรัฐประจำเขตรัฐนิวเจอร์ซีย์ในบริษัทและบริษัทย่อยทั้งแปดแห่ง ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีการคาดเดาเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทหลังจากการล่มสลายของ FTX เป็นเวลาหลายวัน
ตามแถลงการณ์ BlockFi มีมูลค่า 256.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ยืนยันว่าจะ “จ่ายค่าจ้างพนักงานและสวัสดิการพนักงานต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก” นอกจากนี้ยังจะพยายาม “จัดทำแผนการเพื่อคงพนักงานหลัก ๆ เอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทจะมีทรัพยากรภายในที่มีความสำคัญทางธุรกิจ” และยังได้สร้าง internal plan เพื่อลดค่าใช้จ่าย
“ตั้งแต่มีหยุดชั่วคราว ทีมงานของเราได้สำรวจตัวเลือกเชิงกลยุทธ์และทางเลือกทั้งหมดที่มีให้เรา และยังคงมุ่งเน้นไปที่วัตถุประสงค์หลักของเราในการทำให้ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา ซึ่งกรณีในบทที่ 11 เหล่านี้จะช่วยให้ BlockFi สามารถสร้างเสถียรภาพให้กับธุรกิจและมอบโอกาสให้ BlockFi บรรลุผลตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรที่เพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด รวมถึงลูกค้าผู้มีอุปการะคุณของเรา”
บริษัทยังทวีตว่า “ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับโครงสร้าง เราจะมุ่งเน้นไปที่การกู้คืนภาระผูกพันทั้งหมดที่เป็นหนี้ต่อ BlockFi กับคู่สัญญา รวมถึง FTX”
BlockFi ระบุในเอกสารว่ามีเจ้าหนี้มากกว่า 100,000 ราย โดยมีสินทรัพย์และหนี้สินระหว่าง 1 พันล้านดอลลาร์ถึง 10 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Valar Ventures ยังจดทะเบียนเป็นเจ้าของหุ้น 19% ในบริษัท
BlockFi ปฏิเสธว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ได้รับการดูแลบน FTX แต่รับทราบว่า “เรามีทรัพย์สินที่ถือครองที่ FTX และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง Alameda ที่เป็นหนี้เรา”