บริษัทขุด Marathon Digital Holdings กลายเป็นเจ้าของ Bitcoin รายใหญ่อันดับสองของโลก ในบรรดาบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ในระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทในวันที่ 8 พฤศจิกายน Fred Thiel ซีอีโอของ Marathon Digital เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทถือ Bitcoin อยู่ทั้งสิ้น 11,300 Bitcoin มูลค่าประมาณ 205 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Marathon กลายเป็นผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่เป็นอันดับสองในบรรดาบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก”
จากข้อมูลของ CoinGecko ผู้ขุด crypto ที่จดทะเบียนใน NASDAQ นั้นอยู่ในอันดับที่สองรองจาก MicroStrategy Inc. ซึ่งถือ Bitcoin รวมเกือบ 130,000 ตามมาด้วยเว็บเทรดคริปโต Coinbase และบริษัทชำระเงินที่ก่อตั้งโดย Jack Dorsey “Block Inc.”
บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 เมื่อวันที่ 8 พ.ย. โดยสังเกตว่าได้เพิ่ม 616 Bitcoin ในการถือครองในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่อีก 615 Bitcoin ถูกเพิ่มเข้ามาในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียว
.@fgthiel: "We have sequentially improved our bitcoin production, from 72 bitcoin in July, to 184 in August, then to 360 in September, and then to a record 615 in October. October was the most productive month in our Company’s history…" pic.twitter.com/wsfv0XOIuV
— Marathon Digital Holdings (NASDAQ: MARA) (@MarathonDH) November 8, 2022
Marathon Digital CEO ยังยืนยันว่า จนถึงปัจจุบัน บริษัทยังไม่เคยขาย Bitcoin ใด ๆ และจะยังคงถือต่อไป เว้นแต่จะ “จำเป็นต้องนำมาใช้เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ”
สิ่งนี้แตกต่างจากผู้ขุดรายใหญ่อื่น ๆ เช่น Argo, Bitfarms, Core Scientific และ Riot Blockchain ซึ่งทุกคนรายงานว่ามีการขาย BTC ออกไปเพื่อชำระค่าใช้จ่าย
Thiel ยังพูดถึง “การต่อสู้” ระหว่าง Changpeng Zhao CEO ของ Binance และ Sam Bankman-Fried ซึ่งเขากล่าวว่ามันทำให้เกิด “ความวุ่นวาย” สำหรับราคาของ Bitcoin แต่ก็บอกว่ายังไงราคาน่าจะกลับมาอยู่ในช่วงประมาณ 18,000 ดอลลาร์ถึง 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งพวกเขา “ไม่กังวล”
$MARA's Q3 22 financial results are out:
— Marathon Digital Holdings (NASDAQ: MARA) (@MarathonDH) November 8, 2022
– Consistent improvement in #BTC production
– Increased hash rate 84% from Sept. 30 to Nov. 1
– 69,000 active servers as of Nov. 1
– Increased YTD #BTC production 27% YoY as of Oct. 31https://t.co/2X1Yn6wnGv