ผู้บริหารจาก Cryptomind Advisory เผยความเห็นหลังดีล Bitkub-SCB ล่ม

ดีลระหว่าง Bitkub และ SCB

อย่างที่เราทราบกันดีว่าข่าวที่เป็นกระแสในตอนนี้ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากดีลระหว่าง Bitkub และ SCB โดยหากย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วทาง Bitkub ได้ออกมาประกาศถึงดีลระหว่างบริษัทและ SCB และล่าสุดดีลก็ได้ล่มลงไปแล้วเมื่อช่วงวันที่ 30 ส.ค. 65 ที่ผ่านมาซึ่งทาง SCB ได้ให้เหตุผลว่าทาง Bitkub นั้นยังมีประเด็นที่ไม่ได้เคลียร์กับทาง ก.ล.ต. ให้ชัดเจน

ต่อมาประกาศจาก ก.ล.ต. ก็ได้เผยว่าได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความ นายสำเร็จ วจนะเสถียร (นายสำเร็จ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี Bitkub กรณีซื้อโทเคนดิจิทัล Bitkub Coin (เหรียญ KUB) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงินรวม 8,530,383 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน ด้านนายสำเร็จก็ได้ออกมาแย้งว่าตนนั้นไม่ได้มีการกระทำความผิดพร้อมสู้คดีต่อไป

ทาง Bitcoin Addict ก็ได้มีการทำบทสัมภาษณ์ไปยังผู้บริหารของ Cryptomind Advisory คุณสัญชัย ปอปลี CEO จาก Cryptomind Advisory หรือเรียกว่าคุณซันเจย์ ถึงประเด็นดังกล่าว ในมุมมองของเขานั้นจะมีความเห็นในเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้าง?

ดีลระหว่าง Bitkub และ SCB ล่ม

ทาง Bitcoin Addict ได้มีการถามถึงความคิดเห็นที่มีต่อดีลระหว่าง Bitkub และ SCB เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งคุณสัญชัย ปอปลี (ซันเจย์)ก็ได้เผยว่าดีลดังกล่าวถือว่าเป็นดีลใหญ่ต่อวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย

“ทีแรกอาจไม่รู้ว่าแบงก์สนใจในคริปโตฯ มากแค่ไหน แบงก์อาจเห็นโอกาสในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งในตอนนั้น Bitkub ถือเป็น Exchnage  ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่มีฐานผู้ใช้งาน ประมาณ 2-3 ล้านในตอนนั้น ถ้ามีแบงก์ก้าวเข้ามาในตลาดคริปโตก็จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก”

เมื่อได้ถามถึงว่าพอทาง SCB ได้ออกมาประกาศล้มดีลกับ Bitkub ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไหม ด้านผู้บริหารฯ ก็เผยว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่

“ไม่ได้ทราบเบื้องลึกว่าเกิดอะไรขึ้นในตัวดีล แต่ถ้าดูจากสัญญา ปกติถ้าจะทำ M&A หรือซื้อบริษัทมันจะไม่นาน แต่ส่วนใหญ่บริษัทจะรอการทำ Due Diligence (การสอบทาน) ให้เสร็จก่อนถึงจะประกาศดีลสภาพตลาดตอนนั้นอาจจะฮอตมาก เลยทำให้อาจมีการประกาศก่อนดีลก่อนที่จะทำ Due Diligence ส่วนสาเหตุที่ดีลล่มนั้นก็ไม่ทราบและไม่ได้เซอร์ไพรส์เพราะว่ามันค่อนข้างลากยาวเกินปกติไปมาก”

Bitkub จะยังสานฝันเป็น Unicorn ได้อยู่หรือไม่?

หลังจากที่มีการประกาศล้มดีลไประหว่าง Bitkub และ SCB ก็ทำให้หลาย ๆ คนเกิดข้อสงสัยว่าแล้วอย่างนี้ Bitkub จะสานฝันในการเป็น Unicorn แห่งวงการคริปโตฯ ไทยได้หรือไม่ ซึ่งด้านคุณซันเจย์ก็เผยว่าอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของรายบุคคลและอาจจะต้องมีเกณฑ์เพื่อเปรียบเทียบด้วยซึ่งต้องรอดูต่อไปในอนาคต

“จริง ๆ Unicorn เป็นเรื่อง Subjective ตอนนั้นเป็นการตีมูลค่าเบื้องต้นจากแบงก์ ต้องดูว่าแบงก์ใช้วิธีไหนตีมูลค่าของ Bitkub ปกติสตาร์ทอัพที่เป็น Unicorn จะต้องมีการประกาศ Funding Series A, B, C  ต้องดูรายได้ของ Bitkub เพราะปีที่แล้วถือเป็นปีทองของคริปโตฯ ในหลาย ๆ ประเทศ ต้องดูต่อว่าปีนี้ยังมี Growth อยู่หรือเปล่า ต้องดูว่าอนาคตจะเป็นยังไง ต้องดู Exchange อื่นเทียบ หลาย ๆ บริษัท เช่น Coinbase มีการลิสต์ขึ้นตลาดหุ้นต้องดูว่าเค้ามีมูลค่าเท่าไหร่เราอาจเอามาเปรียบเทียบได้แล้วแต่มุมมอง อาจจะต้องรอดูต่อไป”

เมื่อถามถึงมุมมองของผู้ประกอบการในตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นของบริษัท Bitkub เขาก็เผยว่าในมุมมองผู้ประกอบการการเข้าซื้อ Bitkub นั้นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะ Bitkub ก็ถือว่าเป็นแพลตฟอร์ม Exchange เบอร์หนึ่งและ SCB ก็ถือเป็นธนาคารท็อป 3 ของประเทศ 

“มองว่า Bitkub ถือเป็นเบอร์หนึ่ง ถ้าเป็น SCB ก็น่าสนใจแต่ต้องถามว่าเมื่อซื้อไปแล้วจะนำแพลตฟอร์ม Bitkub ไปทำอะไรต่อกับลูกค้า น่าจะ work เพราะว่า SCB เป็นท็อป 3 ของประเทศและ Bitkub เป็นเบอร์ 1 ซึ่ง SCB อาจให้ตัวเลือกของลูกค้าได้มากขึ้น” คุณซันเจย์กล่าว

แล้วแบบนี้ จะส่งผลอะไรต่อตลาดคริปโตฯ ในไทยบ้าง?

ในช่วงนี้จะเห็นว่ามีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโตฯ ในไทยตลอด ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวของ Zipmex, นักแสดงชื่อดังที่มีการหลอกลวงนักลงทุนหรือคดี Forex 3D และอีกทั้งการประกาศล้มดีลของ SCB ที่มีต่อ Bitkub ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบอะไรในไทยไหม และมีอะไรที่ทาง Exchange ในไทยยังต่อปรับปรุงไหม?

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรมาก ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก็คือ Exchange อาจจะต้องมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นแบงก์มากขึ้น

“คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรมาก Bitkub ยังคงมีกำไรเยอะอยู่ และยังคงเป็นเบอร์หนึ่ง แต่ที่ส่งผลอาจจะเป็นเรื่องของอนาคต Exchange อาจต้องหาพาร์ทเนอร์กับแบงก์มากขึ้นแทนการอยู่เป็น startup ต่อไปเพื่อขยายฐานลูกค้า”

ธนาคารจะกลายมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดคริปโตฯ?

ทางธนาคารไทยพาณิชย์นั้นมีความสนใจในตลาดคริปโตฯ มาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ SCB ได้ประกาศใช้เทคโนโลยีของ Ripple ในการโอนเงินระหว่างประเทศ, เปิดตัวบริษัทลูกออกมาเพื่อดำเนินการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้มีการขอใบอนุญาตเป็น Digital Asset Broker ในไทยอีกด้วย แต่ยังไม่ได้มีการออกมาประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการ

ในมุมนี้ด้านผู้เชี่ยวชาญก็มองว่าการที่ SCB ได้ก้าวเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และคิดว่าเทรนด์ในอนาคตธนาคารน่าจะสนใจตลาดคริปโตฯ มากขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค

“ไม่ว่าจะมีดีล Bitkub หรือไม่ ท่าที SCB คืออยากลงมาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้ว ในมุมกว้างถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะเป็นแบงก์แรกที่ได้ใบอนุญาตตรงนี้ เทรนด์ในอนาคตแบงก์น่าจะมีความสนใจตลาดคริปโตฯ ดีต่อผู้บริโภค การแข่งขันจะสูงขึ้น นักลงทุนจะมีตัวเลือกมากขึ้นในการใช้แพลตฟอร์ ดีต่อนักลงทุน พอมีการแข่งขันสูง นักลงทุนหรือผู้ใช้ประโยชน์ก็จะได้ประโยชน์”

ดีลระหว่าง Bitkub และ SCB ถือเป็นดีลที่ชุมชมคริปโตฯ ในไทยต่างให้ความสนใจ ซึ่งการประกาศดีลล่มเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ก็คาดว่าผลกระทบต่อตลาดคริปโตฯ ในไทยอาจจะไม่ได้มีมา และผู้คนก็จะยังใช้และลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีต่อไป

บทสัมภาษณ์ระหว่างทีมงาน Bitcoin Addict และคุณซันเจย์ 

เรียบเรียงโดยทีมงาน  Bitcoin Addict

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

Junt

ข่าวต่อไป