ตำรวจ ปอศ. หรือ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตรวจสอบธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ พบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 10 แห่งพัวพันปั่นหุ้น สร้าง “เหมืองทิพย์” กลัวว่านักลงทุนตกเป็นเหยื่อ โดยส่งข้อมูลไปหา กลต. เพื่อทำการตรวจสอบ ถ้าผิดเจอดำเนินคดีหนัก
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2565 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้สั่งการให้ พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร ผกก.3บก.ปอศ ตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เกี่ยวกับการประกอบกิจการเหมืองขุดเงินตระกูลดิจิทัล หลังพบความผิดปกติในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อย 10 บริษัท ที่มีการเผยแพร่ข่าวสารหรือการให้ข้อมูลต่อประชาชนผ่านสำนักข่าวต่างๆ จนอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อราคาของหลักทรัพย์อย่างผิดปกติจากสภาพของตลาด หรือเป็นการ “ปั่นหุ้น” ทั้งในทางราคาขึ้น ราคาลง หรือราคาคงตัว โดยไม่ปรากฏการพัฒนาที่สำคัญของบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด
พล.ต.ต.พุฒิเดช เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ หากบริษัทจดทะเบียนฝ่าฝืนข้อบัญญัติของกฎหมาย ย่อมเป็นความผิดตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดย บก.ปอศ. ได้ประสานส่งข้อมูลทั้ง 10 บริษัทให้กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อสืบสวน และตรวจสอบการกระทำผิดกรณีดังกล่าวแล้ว หาก ก.ล.ต.ตรวจพบเป็นความผิดตามที่ ตำรวจ บก.ปอศ. ตรวจสอบ ก.ล.ต.สามารถเข้าร้องทุกข์กับตำรวจ เพื่อจัดการกับบริษัท “เหมืองทิพย์” หรือไม่มีการทำเหมืองจริงตามที่กล่าวอ้างนี้ได้ทันที
ผบก.ปอศ. กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงปีที่ผ่านมา กระแสการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงหลักหลายร้อยล้านบาท พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จีงสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบ จนพบว่าเกิดการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล อาทิ ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับธุรกิจเหล่านี้ต้องได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ตามบทบัญญัติแห่ง พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.256
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวอีกว่า ดังนั้นจึงได้สั่งให้ พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร ผกก.3 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ สว.กก.3 บก.ปอศ. ตรวจสอบหาเบาะแสในเชิงลึก จนพบว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นหลายบริษัทต่างประกาศแผนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เบื้องต้นพบว่า มีประมาณ 25 บริษัท โดยมีรูปแบบแผนธุรกิจแตกต่างกันในรายละเอียด รูปแบบส่วนใหญ่ คือ การลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining) โดย บจ. ต่างๆ ได้ทยอยจัดซื้อเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) และอาจจะเป็นกระแสที่กระตุ้นราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเหล่านั้นปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งที่ในทางตรงกันข้าม นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนใด มีรายได้จากการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม
ผบก.ปอศ. กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หากพบว่า บริษัทที่ประกาศแผนงานเชิญชวนประชาชนลงทุน เป็นการปั่นหุ้น หรือไม่มีเหมืองขุดเงินดิจิทัลอยู่จริงตามที่บริษัทโฆษณาไว้ อาจจะมีผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชนและสังคม ดังนั้น บก.ปอศ. และ ก.ล.ต. จึงมีการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อกัน โดยการร่วมมือกันของทั้งสองหน่วยงาน จะทำให้กระบวนการสืบสวนและตรวจสอบมีความรวดเร็วและลดขั้นตอนของกระบวนการสืบหาพยานหลักฐาน ทำให้การบังคับใช้กฎหมายในตลาดทุนมีประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับนักลงทุนในตลาดทุนโดยรวมต่อไป
ที่มา: Thairath