ข้อมูลจาก ก.ล.ต. เผย คนไทยเทรดน้อยลงต่อเนื่อง จากต้นปีถึงตอนนี้พบบัญชีเคลื่อนไหวเหลือแค่ 3 แสนบัญชี
วันที่ 24 ก.ค.65 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้ออกรายงานสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายสัปดาห์ พบว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก มีมูลค่าตลาดรวม หรือ Market cap อยู่ที่ประมาณ 1.06 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 38.8 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ 42.2% มาจาก Bitcoin โดยเมื่อรวมเหรียญทั้งหมดแล้วจะมีมูลค่าการซื้อขายล่าสุด 101.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน หรือประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท
ปี 2565 มูลค่าการซื้อขายสะสมแยกตามประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล นำโดย Tether เจ้าของเหรียญ Stablecoin ที่มีผู้ใช้มากที่สุด มีมูลค่าซื้อขายสะสมสูงสุดอยู่ที่ 10.8 หมื่นล้านบาท รองลงมา คือ Bitcoin อยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท และ Ethereum อยู่ที่ 5.7 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวมในไทย ในเดือน มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2564 ที่ Bitcoin ได้ทำ All time high ครั้งล่าสุด โดยทำยอดซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของผู้ซื้อขายในประเทศ
ซึ่งหากนับตั้งแต่ต้นปี 2565 สินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในไทย ก็ถือว่ายังให้ผลตอบแทนติดลบแทบทั้งหมดต่อเนื่อง นำหน้ามาโดยเหรียญ KUB ให้ผลตอบแทนติดลบมากที่สุดอยู่ที่ -67.71% รองลงมาคือ Ethereum -60.64% และ XRP -55.25 และ Bitcoin ที่ -51.71%
ที่น่าสนใจคือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดกลับเป็น ถ่านหิน (Coal) อยู่ที่ +111.37% น้ำมัน (Oil) +30.19% และตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่อีก +2.64%
นอกจากนี้ จำนวนบัญชีซื้อ-ขายของบุคคลธรรมดาในประเทศก็เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา จากเดิมที่มีทั้งหมดราว 2.86 ล้านบัญชี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับทิศทางราคาของ Bitcoin ที่ลดลง โดยในเดือนมกราคมอยู่ที่ 6.82 แสนบัญชี เดือน กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 4.89 แสนบัญชี เดือน มีนาคม อยู่ที่ 4.75 แสนบัญชี เดือน เมษายน อยู่ที่ 4.54 แสนบัญชี เดือน พฤษภาคม อยู่ที่ 4.77 แสนบัญชี และ เดือน มิถุนายน อยู่ที่ 3.24 แสนบัญชี หรือคิดเป็น 11.3% จากจำนวนทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีนิติบุคคลที่มาจากต่างชาติเริ่มมาเป็นผู้ซื้อหลักในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย
- เดือนมีนาคม 2565 ซื้อสุทธิอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท
- เดือนเมษายน 2565 ซื้อสุทธิอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท
- เดือนพฤษภาคม 2565 ซื้อสุทธิอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท
- เดือนมิถุนายน 2565 ซื้อสุทธิอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท
- เดือนกรกฎาคม 2565 (18 ก.ค. 65) ซื้อสุทธิอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท
แต่ทางรายย่อยคนไทยเริ่มกลับมาขายสุทธิ โดยเดือน มีนาคมที่ผ่านมา มีการขายกว่า 2 พันล้านบาท เดือน มิถุนายน ขาย 1.3 พันล้านบาท และเดือน กรกฎาคม (18 ก.ค.65) ขาย 1.5 พันล้านบาท
รวมถึงรายย่อยต่างชาติก็มีการขายสุทธิต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยตั้งแต่ต้นปี 2565 ขายไปแล้วรวมกว่า 1.6 แสนล้านบาท
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์
