ดร. นิเวศน์เผย คริปโตจะมาเปลี่ยนโลกเป็นเรื่อง “เวอร์” เกินจริง ย้ำ ส่วนใหญ่เป็นแค่การเก็งกำไรเท่านั้น

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณภาพ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ประเทศไทย ในหัวข้ออวสานของเหรียญคริปโตฯ? 

ภายในบทความมีเนื้อหาเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีและโลกเสมือน Metaverse ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันก็ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงตลาดหมี เหรียญจากโปรเจกต์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็พากันราคาร่วงหล่นลงกันตามภาวะตลาด ทำให้หลาย ๆ คนคิดกันว่าโลกคริปโตฯ อาจจะกู่ไม่กลับแล้วหรือเปล่า? เริ่มตั้งแต่การล่มสลายครั้งใหญ่ของบล็อกเชน Terra เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไล่ยาวมาเรื่อย ๆ บวกกับการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed สภาวะสงครามรัซเซียบุกยูเครน และล่าสุดกับการล้มละลายของกองทุนเฮดจ์ฟันยักษ์ใหญ่ Three Arrow Capital (3AC) และแพลตฟอร์มกู้ยืมอย่าง Celsius Network โดยทั้งหมดนี้เกิดขั้นในเวลาไล่เลี่ยกันในช่วงตลาดขาลง หรือตลาดหมี (Bear Market)

ดร.นิเวศน์ได้เผยในโพสต์ดังกล่าวว่า “คนรุ่นใหม่” แทบทั้งโลกต่างก็เข้ามาลงทุนและเกี่ยวข้องในนวัตกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่กำลังปฏิวัติโลกในแทบทุกด้าน  ซึ่งรวมไปถึงงานศิลปะอย่าง “NFT” เพื่อขายให้กับคนที่สนใจงานศิลป์ หรือการผลิต “ที่ดินเสมือน” ขึ้นมาเพื่อขายให้กับ “นักเล่น”  ที่อาจจะอยากซื้อไว้เก็งกำไรหรือลงทุน “ทำธุรกิจ” ที่ต้องการ “หน้าร้านเสมือน” ไว้ขายของ บนโลก Metaverse

นอกจากนี้ ดร. นิเวศ ได้เผยถึงกระแสของเหรียญคริปโตฯ ว่าดูเหมือนจะเป็นผลมาการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องถูก “กักอยู่ในบ้าน” ต้องทำงานและใช้ชีวิตผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ทำให้มีเวลาเหลือที่จะลงทุนเงินที่อาจจะได้รับจากรัฐบาลหรือเงินเก็บที่แทบจะไม่มีดอกเบี้ย  และคนก็อาจจะเริ่มเห็นว่าเหรียญคริปโตฯ นั้นปรับตัวขึ้นเร็วมากเนื่องจากมันมีจำนวนจำกัด และก็มีคนที่มีชื่อเสียงให้ความสนใจมากขึ้น โดยราคาขึ้นจากประมาณ 9,000-10,000 ดอลลาร์ กลายเป็น 3-40,000 เหรียญ ในเวลาเพียง 2-3 เดือน  และเมื่อ อีลอน มัสก์ เข้ามาร่วมเล่นด้วย ราคาก็ขึ้นไปถึง 60,000 เหรียญ ในเวลาเพียง 5-6 เดือน ก่อนที่จะแตะที่ระดับสูงสุดที่ 67,000 เหรียญในปลายปี 2021 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่สภาวะตลาดหมีของโลกคริปโตฯแล้ว ผนวกกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เม็ดเงินทั่วโลกก็ลดน้อยลงไปด้วย ราคาสินทรัพย์ที่เคยพุ่งสูงกลับดิ่งลงอย่างน่าใจหาย และไม่ใช่แค่กับคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น หุ้น โดยเฉพาะกลุ่มดิจิทัลก็ร่วงหล่นอย่างรุนแรงกว่า 30% สำหรับคริปโตฯเอง เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน Bitcoin ก็ร่วงหล่นลงไปแตะที่ระดับ 17,000 เหรียญเป็นครั้งแรงนับตั้งแต่การ Halving ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 ขณะที่ Ethereum ซึ่งเป็นพื้นฐานของเหรียญอื่นก็ตกลงมาจาก 4,000 ปลาย ๆ  เหลือเพียงแค่หลักร้อยดอลลาร์เท่านั้น หรือตกลงมา 80% ในเวลาไล่เลี่ยกับ Bitcoin

ทั้งนี้ ในโพสต์ ดร. นิเวศน์ ยังได้ทิ้งท้ายเกี่ยวกับเรื่องของการโกงและการล่มสลายอีกมากมายที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ และที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ดร. นิเวศน์เผยว่าเรื่องที่ว่าคริปโตฯจะมาเปลี่ยนโลก หรือคนจะหันมาซื้องานศิลปะแบบ NFT กันนั้น อาจมีความ “เวอร์” เกินความเป็นจริง 

โดย ดร.นิเวศน์ ได้พูดถึงประสบการณ์ที่พบในโลกของดิจิทัล ว่าอะไรก็ตามถ้ามันเป็นเรื่องจริง การเกิดขึ้นจะรวดเร็วมาก  ตัวอย่างเช่น  พวกสื่อสังคมที่กระจายตัวเร็วมากหลังจากที่เกิดนวัตกรรมขึ้นมา  แต่ในกรณีของเหรียญคริปโตนั้น นวัตกรรมก็เกิดขึ้นนานเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว แต่การใช้จริง ทุกวันนี้ก็ยังแทบไม่เห็น 

ดังนั้น  จึงมีความเป็นไปได้ว่า  กระแสและการปรับตัวขึ้นของคริปโตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น  อาจจะเป็นเรื่องของการเก็งกำไรที่สุดโต่งในสังคม  และเวลานี้กำลังเป็นช่วง “อวสาน” ที่ราคาอาจจะตกลงต่อหรือไม่กลับมาอีกนานพร้อม ๆ กับความสนใจในเรื่องเหล่านี้ที่จะจางหายไป แน่นอนว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนก็ยังอยู่และมีประโยชน์ แต่คนจะใช้ในการแก้ปัญหาบางอย่างที่เหมาะสมเท่านั้น  ซึ่งไม่ใช่เรื่องเงินหรือเรื่องของศิลปะที่ของเดิมก็ดีพออยู่แล้ว

ที่มา: Facebook Page: Money Chat

รูปภาพ

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

wissarut

ข่าวต่อไป