จากงานแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (Bitkub) และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อปั้นคนรุ่นใหม่สู่การเป็นผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Bitkub เปิดเผยว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า โลกของเราจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมเก่าๆ แต่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เราควรจะพึ่งพาเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น
“ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในอาเซียนมีคนใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 70 ล้านคน และ 9 ใน 10 คน เป็นผู้ที่จับจ่ายใช้สอยผ่านอินเทอร์เน็ต เพราะฉะนั้นเราควรจะมุ่งเป้าไปสู่การเป็นดิจิทัลฮับของอาเซียน”
พร้อมกันนี้ ท๊อป จิรายุส ยังได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับ LUNA หรือ Terra ที่มูลค่าหายไปจำนวนมหาศาล โดยมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลจะกระทบไปด้วยทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวงการโดยรวมในระยะสั้น อาจเรียกได้ว่าเป็น Noise และหากดูจากจำนวนคนที่เทรดโดยจับคู่กับ UST ยังมีน้อยมาก และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นรอบวัฏจักรอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่เรียกว่า Crypto Winter
หากมองระยะยาวจะเห็นว่าบริษัทใหญ่ๆ ยังคงเตรียมพร้อมสำหรับการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล และในอนาคตตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลจะใหญ่ขึ้นมากๆ โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
“ในระยะสั้นคงจะเป็น Noise ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของคนในระยะสั้น เหมือนกับเหตุการณ์ในอดีต เช่น ช่วงเกิดรถยนต์ใหม่ๆ และชนคนตาย คนก็จะมองรถยนต์เป็น Death Machine หรือช่วงฟองสบู่อินเทอร์เน็ต คนก็สูญเสียความเชื่อมั่นต่ออินเทอร์เน็ต แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น คนที่สามารถยืนระยะได้นานพอก็แทบจะประสบความสำเร็จมหาศาลทั้งหมด สุดท้ายความรู้และความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พอทุกคนมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็จะไม่เกิดความกลัว”
ทั้งนี้ หากดูผลกระทบต่อมูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมอาจไม่ได้มีผลกระทบมากนักเทียบกับก่อนเกิดเหตุการณ์ขึ้น และในมุมกลับกันก็เป็นเหมือนการสร้างการรับรู้ ให้คนเก่งๆ เข้ามาศึกษาและช่วยกันแก้ไขปัญหามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโต ซึ่งทุกๆ 4 ปีที่ผ่านมาจะเกิดปีทองจากเหตุการณ์ Bitcoin Halving ราคาปรับตัวขึ้นเป็น 1,000% แต่เมื่อขึ้นแรงก็ลงแรง เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้ามาลงทุนควรจะใช้เงินเย็น และต้องรับความผันผวนในระดับ 50-70% ให้ไหว สำหรับ Bitcoin Halving ครั้งหน้าคือปี 2567 และต้องเข้าใจว่ามันคือวัฏจักรของตลาดคริปโต
“เป็นเรื่องปกติของตลาดการเงิน เมื่อตลาดยังเล็กความผันผวนก็จะสูง เมื่อคนเริ่มเข้ามาในตลาดมากขึ้นความผันผวนก็จะลดลง ซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนว่าความผันผวนของ Bitcoin ลดลงหากดูจากการปรับฐานในแต่ละครั้ง และเริ่มเห็นเงินทุนของนักลงทุนสถาบันไหลเข้ามามากขึ้น กฎหมายก็ชัดเจนมากขึ้น โดยรวมคือทุกคนควรเริ่มต้นจากการมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนเริ่มลงทุน”
ส่วนเรื่องของพัฒนาการของตลาดคริปโตในไทย Bitkub ยังคงเชื่อว่าตลาดจะยังขยายตัวขึ้นทุกปีในระยะนี้ และการเข้ามาของคู่แข่งที่มากขึ้น เช่น กัลฟ์ ไบแนนซ์ ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง Binance กับ GULF จะยิ่งช่วยกันส่งเสริมให้ตลาดขยายตัวได้มากขึ้น ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับดีลที่ธนาคารไทยพาณิชย์เข้าซื้อ Bitkub ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้